ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

แนวทางการสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

แนวทางการสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า




ไม่ใช่เอาสวรรค์มาล่อ เอานรกมาขู่ แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า นำความจริงมาบอก ปัจจุบัน มีบางคนเข้าใจผิดกับการสอนที่ว่า “ทำดี ตายแล้วไปสวรรค์ ทำบาป ตายแล้วตกนรก” เป็นการสอนที่ผิด เป็นการสร้างภาพ เอาสวรรค์มาล่อ เอานรกมาขู่ ให้คนตกใจกลัว           
แนวทางการสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ในความเป็นจริงแล้ว แนวการสอนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงใช้มากที่สุด คือ “อนุปุพพิกถา” เป็นการสอนร้อยเรียงไปตามขั้นตอน เพื่อปรับจิตผู้ฟังให้ละเอียดผ่องใสขึ้นตามลำดับ ดังนี้
1.ทานกถา สอนเรื่องการให้ทาน
2.สีลกถา สอนเรื่องการรักษาศีล
3.สัคคกถา พรรณนาเรื่องสวรรค์ ความงดงามน่ารื่นรมย์ยินดีของทิพย์สมบัติ เพื่อให้เห็นอานิสงส์ของการให้ทานและการรักษาศีลว่า จะทำให้ได้ไปเกิดบนสวรรค์
4.กามาทีนวกถา สอนเรื่องโทษของกาม
5.เนกขัมมานิสงส์ สอนเรื่องอานิสงส์ของการออกบวช
เมื่อใจของผู้ฟังยกสูงขึ้นละเอียดดีแล้ว จึงสอนต่อด้วย “อริยสัจ ๔” โดยเรื่องราวเกี่ยวกับสวรรค์มีกล่าวไว้มากมายในพระไตรปิฎก ที่รวมไว้เฉพาะเป็นเล่มเลยก็มี เรียกว่า “วิมานวัตถุ” ทั้งเรื่องของวิมาน และเรื่องราวของนรกก็มีกล่าวไว้มากมายเช่นเดียวกัน เรื่องเปรตก็กล่าวไว้เป็นคัมภีร์เฉพาะ เรียกว่า “เปตวัตถุ”
ตัวอย่างในครั้งพุทธกาล
ลาชเทวธิดา1
มีหญิงชาวนาคนหนึ่งทำข้าวตอกใส่ไว้ในขัน แล้วมีโอกาสได้ใส่บาตรถวายพระมหากัสสปะ ซึ่งเพิ่งออกจากนิโรธสมาบัติ ระหว่างเดินกลับบ้านวิบากกรรมตามมาทันถูกงูกัดตาย 
ผลบุญทำให้ไปเกิดเป็น ลาชเทวธิดา บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ มีวิมานทองใหญ่โต ที่ประตูวิมานประดับเรียงรายด้วยขันทองคำ มีข้าวตอกทองคำห้อยระย้าอยู่อย่างงดงาม 
เราจะเห็นว่า ทำบุญอย่างไรก็ได้อย่างนั้น ทำบุญด้วยข้าวตอก ก็ได้วิมานประดับด้วยข้าวตอกทองคำ ใช้ขันเป็นภาชนะ ก็มีขันทองคำประดับเรียงราย มีเรื่องราวทำนองนี้อยู่มากมายในพระไตรปิฎกและอรรถกถา 
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้ธรรมถึงความจริงของโลกและชีวิต กฎแห่งกรรม บุญบาป นรกสวรรค์แล้วทรงนำมาสอนเรา บรรพบุรุษไทยแต่โบราณก็ได้ปลูกฝังศีลธรรมในหมู่ประชาชน ให้รักบุญกลัวบาปตามแนวทางของพระพุทธเจ้านี้เอง อาทิ
ไตรภูมิพระร่วง
พระราชนิพนธ์ของ พระยาลิไท กษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย ซึ่งพรรณนาถึงนรกสวรรค์ และภพภูมิต่าง ๆ เป็นหนังสือที่เผยแพร่ไปอย่างกว้างขวาง ช่วยปลูกฝังศีลธรรมแก่ชาวไทยมายาวนาน ทำให้สังคมไทยสงบร่มเย็น อยู่เย็นเป็นสุขจนได้ชื่อว่า “สยามเมืองยิ้ม”
คนปัจจุบันใจหยาบ บ้างก็ไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรม จนพาลจะปฏิเสธการสอนเรื่องนรกสวรรค์ ซึ่งเป็นแนวการสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทำให้สังคมวุ่นวาย คนเห็นแก่ตัวมากขึ้น “ยิ้มสยามแทบจะกลายเป็นยิ้มสยอง” ไปแล้ว น่าเสียดายที่สมญานาม “ยิ้มสยาม” ของไทยค่อย ๆ หายสูญไป
ศิลปกรรมตามโบสถ์วิหาร
ศิลปกรรมตามโบสถ์วิหารมีภาพเขียนของสวรรค์ เทวดา นางฟ้ามากมาย บ้างก็ทำเป็นรูปปั้น หรืองานแกะสลักไม้ งานปูนปั้น ตลอดจนงานประติมากรรมโลหะ
สมัยก่อน เราได้เรียนรู้เรื่องราวต่าง ๆ จากจิตรกรรมฝาผนัง และศิลปกรรมเหล่านี้ พอได้เดินดูภาพเขียน อ่านคำบรรยาย มองรูปปั้น ภาพแกะสลักแล้วฝังจิตฝังใจกลัวการทำบาป รักการทำบุญมาตั้งแต่ติดตามพ่อแม่เข้าวัดเมื่อครั้งยังเด็กด้วยกันทั้งนั้น
ปัจจุบัน เทคโนโลยีก้าวหน้าขึ้น เราก็ควรจะใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ในการเผยแผ่ธรรมะ เช่น ทำภาพของนรกสวรรค์ ทิพย์สมบัติทั้งหลายออกเผยแผ่ตามสื่อต่าง ๆ เป็นภาพนิ่ง หรือถ้าทำเป็นแอนิเมชันได้ยิ่งดี เพื่อปลุกกระแสศีลธรรม ความรักบุญกลัวบาปให้กลับมาสู่สังคมไทย นำความร่มเย็นเป็นสุขมาสู่บ้านเมืองเรา
การสื่อสารในปัจจุบันเป็นไปอย่างรวดเร็ว หากมีพระภิกษุนำเรื่องนรกสวรรค์มาสอน แล้วมีคนพาลติเตียนต่อต้านพระสงฆ์หาว่า “เอาสวรรค์มาล่อ เอานรกมาขู่” หากเราไม่รู้แล้วไปตามแห่ผสมโรงวิพากษ์วิจารณ์พระสงฆ์ไปกับเขา กดไลค์กดแชร์ข้อความที่เป็นวจีทุจริตในสังคมออนไลน์ เราก็จะพลอยบาปไปด้วย
แชร์ข้อความไปถึงคน ๑๐๐ คน ก็บาป ๑๐๐ เท่า ที่เขาเรียกว่า “กรรมติดจรวด” น่ากลัวจริง ๆ อย่าไปทำ ตรงกันข้ามถ้าแชร์ข้อความธรรมะ ยิ่งไปถึงคนวงกว้างเท่าไร เราก็ได้บุญมากขึ้นไปตามส่วน 
ดังนั้น เรามาช่วยกันเผยแพร่ภาพ และข้อความธรรมะให้มาก ๆ กันเถิด ให้คน “รักบุญ กลัวบาป” สังคมจะได้สงบร่มเย็น

1อรรถกถา ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท ปาปวรรคที่ 9 เรื่องนางลาชเทวธิดา, ม.ก, เล่ม 42 ข้อ 19 หน้า 11
ขอบคุณ dbuddhist.com/thammareal2p

ไม่มีความคิดเห็น