ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

ปลูกเบญจทรัพย์ ได้อะไร

ปลูกเบญจทรัพย์ ได้อะไร เบญจทรัพย์ ก็คือ เบญจมาศ ที่ใคร ๆ รู้จัก แต่ที่เบญจทรัพย์ปลูกเบญจมาศเป็นเบญจทรัพย์ เพราะมีที่มาที่ไป


เบญจ แปลว่า 5 ได้แก่
เบญจศีล คือ ข้อควรเว้น ตามหลักศีล 5 ข้อ เพื่อให้มีคุณค่าของความเป็นมนุษย์ ยังคงอยู่ครบ 100 %
เบญจธรรม คือ ข้อควรทำ มี 5 ข้อ ได้แก่
  1. เมตตากรุณา คือ ความรัก ความปรารถนาดีต่อผู้อื่น
  2. สัมมาอาชีวะ คือ การประกอบสัมมาชีพ 
  3. กามสังวร คือ การสำรวมในกาม 
  4. สัจจะ คือ การพูดความจริง 
  5. สติสัมปชัญญะ คือ ความระลึกได้และความรู้ตัว
อย่าใช้ชีวิตอยู่แต่เพียงในข้อห้ามคือไม่ทำข้อที่ควรเว้น หรือศีล 5่ เท่านั้น แต่ควรฝึกการทำ ข้อควรปฎิบัติ จนประทับลงไปในจิตใต้สำนึกให้กลายเป็นนิสัยด้วยดีไหมครับ





ดังนั้น เพื่อการกระทำที่จะได้บุญบารมีมากขึ้น จึงเปลี่ยนเบญจมาศ เป็นเบญจทรัพย์ คือ ทรัพย์ที่เป็นอริยทรัพย์ติดตัวผู้ปลูก ด้วยการเชื่อมโยงการปลูกเพื่อบูชาธรรมครูบาอาจารย์ ก็คือ พระเดชพระคุณหลวงปู่วัดปากน้ำภาษีเจริญ (สด จนฺทสโร) ครูผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย ที่คณะศิษย์มีความเคารพบูชาอย่างสูงยิ่ง
การปลูกเบญจทรัพย์ของคณะศิษย์วัดพระธรรมกาย จึงได้บุญไม่เหมือนปลูกดอกเบญจมาศเพื่อทำการค้าขาย หรือประกอบธุรกิจแต่อย่างใด แต่เพื่อผูกใจ ให้ผูกพันกับความสะอาด บริสุทธิ์ และปฏิปทาของครูบาอาจารย์ผู้เป็นต้นแบบในการสร้างบารมี เท่านั้น
การกระทำที่มาจากจิตที่มีโยนิโสมนสิการ จึงเกิดขึ้นในใจของคณะศิษย์ ขณะเข้าร่วมกิจกรรมทุกขั้นตอน ซึ่งก็ไม่ใช่ของง่ายเลย ที่จะเนรมิตพื้นที่ 300 ไร่ เป็นสวนเบญจทรัพย์ ที่หลากหลายสีสวยงามให้เกิดขึ้นในเวลาอันสั้น
แต่ด้วยพลังกาย พลังใจของคณะศิษย์ที่พร้อมเพรียงกัน ด้วยแรงเคารพบูชาครูบาอาจารย์ ย่อมนำมาด้วยการคิดกตัญญูนั่นเอง ดังคำกล่าวที่ว่า "ความกตัญญูทำให้ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้" และเพิ่มดวงปัญญาให้มากขึ้น ดังเช่นพระสารีบุตร ผู้เลิศด้วยปัญญา พระอัครสาวกเบื้องขวาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นต้นแบบให้กับพุทธศาสนิกชนได้ศึกษาและปฏิบัติตาม
ขณะเดียวกัน การทำงานร่วมกันในคนหมู่มาก ย่อมต้องมีระบบระเบียบแบบแผนที่ต้องบริหารจัดการ รวมทั้งความรับผิดชอบต่อหมู่คณะด้วยเสมอ ส่ิงนี้จึงส่งผลให้มีฤทธิ์มากขึ้น ดังเช่นพระโมคคัลลานะ พระอัครสาวกเบื้องซ้ายของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้เลิศด้านการมีฤทธิ์ เพราะต้องรับผิดชอบสังคมคนหมู่มาก
ขณะเดียวกัน การที่คณะศิษย์ประกอบกิจกรรมทุกขั้นตอน เช่นการขุดดิน การขนดิน การตักน้ำมารด การปลูกต้นกล้าด้วยความปราณีต ซึ่งก็ต้องทำทั้งกลางวันกลางคืน แน่นอน ความร้อนจากแสงแดดที่แผดเผาให้ร้อน ย่อมไม่สบายเลย บางคนอาจมองว่า ช่างลำบากเสียเหลือเกิน แต่แท้จริง แล้ว นั่นคือการข่มอารมณ์ การฝึกบำเพ็ญตบะ ที่ต้องอดทน อดกลั้น เพื่อการฝึกตัว สร้างพลังแห่งความสามัคคี และให้บารมีแก่รอบมากขึ้น
การกระทำกิจกรรม ที่ไม่มีเวลากำหนด ย่อมทำให้เกิดความสบายและผลัดวันประกันพรุ่งไปเรื่อย ๆ การกระทำที่ต้องจำกัดด้วยเรื่องเวลา และเป้าหมายที่ชัดเจนย่อมดีกว่าทำไปเรื่อย ๆ เพราะไม่ได้กำหนดเวลา อย่างแน่นอน



ดังนั้น กิจกรรมปลูกเบญจทรัพย์ ของคณะศิษย์วัดพระธรรมกายและพี่น้องชาวพุทธทุกคน จึงต้องมีข้อกำหนดเรื่องเวลา เพื่อทุกขั้นต้อนจะได้บีบคั้น และเค้นศักยภาพของตนเองเพื่อหาวิธีที่จะทำให้สำเร็จ และนี่ก็คือ ดวงปัญญา และฤทธิ์ย่อมบังเกิดขึ้น กับผู้ปฏิบัติ
จึงสรุปได้ว่า การปลูกดอกไม้ชนิดหนึ่ง ชื่อว่า ดอกเบญจทรัพย์ของคณะศิษย์วัดพระธรรมกายและผู้ที่สนใจ จึง ไม่ใช่แค่เพียงปลูกต้นไม้ธรรมดา ๆ ต้นหนึ่ง ดังได้สาธยายมาแล้วด้วยประการฉะนี้

เครดิต : ต้นไม้ใกล้ฝั่ง

ไม่มีความคิดเห็น