ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest
เห็นผิดเป็นชอบ 
    ทำได้ทุกอย่างแม้กระทั้งกับพระผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ หวังแต่เพียงอำนาจ อิทธิพล ชื่อเสียง  เงินตรา 
ไม่เคยคำนึงถึงกฏหมาย เหตุผล มนุษย์ไร้อย่างอาย

เมื่อ 18 ก.พ. 2559 ดีเอสไอ (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) นัดแถลง คดีรถหรู ท่านเจ้าประคุณฯสมเด็จวัดปากน้ำหรือ “สมเด็จช่วง”   ภายใต้การนำของ “บิ๊กต๊อก” พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แถลงข่าวผลการตรวจสอบรถโบราณที่จัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านวัดปากน้ำ ภาษีเจริญ ซึ่งตามสมุดทะเบียนรถปรากฏชื่อท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ เป็นผู้ครอบครอง 
โดยแถลงกล่าวหาว่าเป็นรถที่เข้าข่ายผิดกฎหมายหลายข้อ

ความรู้สึกมันติดอยู่ในใจตลอดมาจนถึงวันนี้  ดีเอสไอ ช่วยตอบหน่อยได้ไหมว่าทำไม?? ดีเอสไอถึงเลือกปฏิบัติเฉพาะเจาะจงเอารถโบราณวัดปากน้ำ ทั้งที่รถยนต์เข้าข่ายนี้ใช้งานอยู่ตามท้องถนนมากกว่า 6,000 คัน ทำไม ดีเอสไอต้องเลือกปฏิบัติ เหมือนเหตุการณ์นี้ได้มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า มีการแบ่งหน้าที่กันชัดเจน สังเกตได้จากบุคคลที่ออกมากล่าวหาส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นบุคคลเดิมๆทั้งสิน


การกระทำมุ่งไปที่สร้างสถานการณ์บิดเบือนใส่ร้ายป้ายสีให้ประชาชนเชื่อว่า “ท่านประคุณสมเด็จวัดปากน้ำ” มีมลทิน ไม่เหมาะกับตำแหน่งพระสังฆราช โดยใช้เรื่องรถโบราณเป็นเครื่องมือในการสร้างข่าว 
พยายามเชื่อมโยงแบบคลุมเครือ เพื่อให้ดูเหมือนเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องผิดกฎหมายที่เกิดขึ้น 
ทั้งๆ หลักฐานยืนยันชัดแจน ว่ารถคันดังกล่าวแจ้งยุกรติการใช้รถตลอดไปตามทะเบียนรถตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2556 และได้มอบให้ทางวัดนำไปแสดงในพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้ผู้สนใจใช้ศึกษาหาความรู้ต่อไป 
ท่านประคุณสมเด็จไม่ได้เก็บไว้เป็นสมบัติส่วนตัวเลยแม้แต่น้อย

ความรู้สึกติดใจเรื่องนี้มาตลอด กับการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนบางกลุ่ม ที่ใช้คำศัพท์เรียกรถโบราณที่ผลิตตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 
ซึ่งมีอายุมากกว่า 60 ปีว่า “รถหรู” ทั้งที่รถหรูเป็นคำประสมหมายถึงรถยนต์นำเข้าที่มีราคาแพง 
มีรูปทรงเด่นเฉพาะ มีการผลิตจำนวนน้อยหรือผลิตตามสั่ง เครื่องยนต์มีกำลังแรง 
และที่สำคัญนำเข้ามาในประเทศไทยจะต้องเสียภาษีสูงถึง 300% เพราะฉะนั้นการเลือกใช้คำว่า “หรู” 
จึงเป็นการใช้คำศัพท์ที่ผิดเพี้ยนจากข้อเท็จจริง ทำให้เชื่อได้เลยว่ามีบุคคลอยู่เบื้องหลังทำให้สาธารณชนส่วนใหญ่
เกิดความเข้าใจผิด และทำให้ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ต้องมีมลทินและถูกเกลียดชังจากสาธารณชนที่เสพข่าวที่ไม่ถูกต้อง
บางคนถึงกับเข้าใจผิดว่ารถคันนี้เป็นรถที่ท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ ใช้เป็นพาหนะประจำตัวด้วยซ้ำ และเมื่อมีการประโคมข่าวรถหรูอย่างต่อเนื่อง 
ในที่สุดก็เป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในทางร้ายว่าท่านเจ้าประคุณสมเด็จฯ รู้เห็นกับการรับถวายที่ผิดกฎหมาย ทั้งที่ข้อเท็จจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยแม้แต่น้อย

อย่าปล่อยให้ คนหน้าเดิม ทำลายว่าที่ประมุขแห่งสงฆ์ ทำลายพระพุทธศาสนา สร้างความแตกแยกให้หมู่สงฆ์มันบาปหนัก เราในฐานะประชาชน
คนไทยจงช่วยกันปกป้องชาติ ปกป้องศาสนา ช่วยกันทำให้ประชาชนตาสว่างโดยการแชร์บทความนี้ต่อไป

3 ความคิดเห็น

  1. ตลก รถเก่าจอดทิ้งไว้วิ่งไม่ได้ยังเอาเล่นเป็นคดีไส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นอายเด็กเขาบ้าง เด็กจะดูถูกเอา

    ตอบลบ
  2. ตลก รถเก่าจอดทิ้งไว้วิ่งไม่ได้ยังเอาเล่นเป็นคดีไส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นอายเด็กเขาบ้าง เด็กจะดูถูกเอา

    ตอบลบ