บิณฑ์-เอกพัน ทำจริง ขนผลไม้กว่า 120 ตัน ช่วยช้างแม่แตง พร้อมมอบเงินเยียวยาปางช้าง
เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทีมงานของ บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ หรือ ท็อป, เอกพันธ์ บรรลือฤทธิ์ หรือ ไทด์ และมูลนิธิร่วมกตัญญูได้ขนของบริจาคจากกรุงเทพฯ จำนวน 6 คันรถพ่วง กว่า 120 ตัน มอบให้กับศูนย์บริบาลช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนใหญ่เป็นผัก, ผลไม้, น้ำดื่ม, อาหารสุนัข, ผ้าห่ม, ผ้าขนหนู รวมกว่า 180 ตัน โดยส่วนหนึ่งจะนำไปพักไว้ที่ อบต.บ้านช้าง และอีกส่วนจะกระจายไปที่ศูนย์บริบาลช้างที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม
ยางิโค่นไม่ลง! เศรษฐกิจเวียดนามโต 7.4% ไตรมาส 3 ปีนี้
รัฐบาลเวียดนามเผยตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 3 ของปีเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ซึ่งเศรษฐกิจเวียดนามยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องถึง 7.4% แม้ว่าพายุไต้ฝุ่นยางิจะพัดถล่มเมื่อเดือนกันยายน ซึ่งสร้างความเสียหายทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงก็ตาม
การส่งออกของเวียดนามเพิ่มขึ้น 15.8% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้ สหรัฐเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของเวียดนาม ด้านรัฐบาลเวียดนามตั้งเป้าที่จะบรรลุอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจที่ 6.8-7% ในปีนี้
ผลวิจัยชี้ ภายในปี 2593 ผู้สูงอายุ 10% ในญี่ปุ่น จะไม่มีญาติสนิทเหลือเลย
ผลการศึกษาใหม่ของสถาบันวิจัยในญี่ปุ่นชี้ว่า จำนวนผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไปในญี่ปุ่น ที่ไม่มีญาติสนิทเหลืออยู่เลย ไล่ตั้งแต่ญาติสายตรง (1st degree relative) คือ พ่อ แม่ พี่ น้อง และลูก ไปจนถึงญาติลำดับที่ 3 (3rd degree relative) ได้แก่ทวด กับเหลน จะเพิ่มขึ้นเป็น 4.48 ล้านคนภายในปี 2593 หรือราว 1.5 เท่าของจำนวนในปัจจุบัน
จำนวนผู้สูญอายุกลุ่มดังกล่าวยังคิดเป็น 11.5% ของประชากรผู้สูงอายุทั้งหมดในแดนอาทิตย์อุทัย ซึ่งอยู่ที่ 39 ล้านคน
เรื่องนี้ทำให้เกิดความกังวลอย่างมากว่า ในอนาคตใครจะทำหน้าที่เป็นผู้รับรองหรือผู้รับประกันให้คนกลุ่มนี้ ในกรณีที่พวกเขาเข้าโรงพยาบาลหรือบ้านพักคนชรา และใครจะเป็นผู้รับศพ
สถาบันแห่งชาติเพื่อการวิจัยประชากรและประกันสังคม (NIPSSR) ของญี่ปุ่นประเมินว่า การแต่งงานที่ลดลงในประเทศที่สังคมผู้สูงอายุกำลังขยายตัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ อย่างญี่ปุ่น จะทำให้จำนวนผู้มีอายุเกิน 65 ปี ที่ไม่มีญาติเหลืออยู่จนถึงญาติลำดับที่ 3 เพิ่มขึ้นเป็น 2.86 ล้านคนในปี 2567 นี้
บินเอมิเรตส์แบน เพจเจอร์-วอล์กกี้ทอล์กกี้ หลังเกิดระเบิดในเลบานอน
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันเสาร์ที่ 5 ต.ค. 2567 ว่า สายการบิน เอมิเรตส์ ของสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สั่งห้ามผู้โดยสารนำเพจเจอร์ และวิทยุมือถือ วอล์กกี้ทอล์กกี้ ขึ้นเครื่องบิน
คำสั่งของเอมิเรตส์เกิดขึ้นหลังจาก เมื่อช่วงกลางเดือนกันยายนที่ผ่านมา เพจเจอร์และวอล์กกี้ทอล์กกี้หลายพันเครื่องที่สมาชิกกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอนใช้งาน เกิดระเบิดขึ้นพร้อมๆ กัน จำนวน 2 ระลอกใหญ่ จนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 37 ศพ บาดเจ็บอีกเกือบ 3,000 รายทั่วประเทศ โดยเลบานอนและอิหร่านกล่าวโทษว่าเป็นฝีมือของอิสราเอล
เอมิเรสต์ยังประกาศด้วยว่า พวกเขาจะยกเลิกเที่ยวบินขาเข้าและขาออกจากเลบานอนต่อไปจนถึง 15 ต.ค. และยกเลิกเที่ยวบินเส้นทางอิหร่านกับอิรักไปจนถึงวันอังคาร (8 ต.ค.) ส่วนเที่ยวบินไปจอร์แดน ที่ถูกยกเลิกก่อนหน้านี้ จะกลับมาให้บริการตามปกติในวันอาทิตย์
ไม่มีความคิดเห็น