พุทธอิสระ อ้าง ความผิดฐานละเมิดสถานที่ราชการ ไม่ถือเป็นปาราชิก
----อ้างอิงคำพูดพุทธอิสระ---
https://www.facebook.com/issaradhamtv/videos/1630584703927639/
https://www.facebook.com/issaradhamtv/videos/1630584703927639/
-------------------
จากกรณีที่ “ทนายประสิทธิ์ สันจิตร”ประธานเครือข่ายพิทักษ์พุทธพร้อมด้วย “กลุ่มพลังสตรีรักษ์พระพุทธศาสนา” ได้เดินทางไปยื่นหนังสือกล่าวหา “พระสุวิทย์ ธีรธมฺโม” ว่าต้องอาบัติปาราชิก สิกขาบทที่ 2 ให้พ้นจากความเป็นพระต่อเจ้าอาวาสวัดอ้อน้อย ในฐานะผู้ปกครอง
วันพุธที่ 29 มิถุนายน พ.ศ.2559 เวลา 15.00 น.
ณ วัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
ณ วัดอ้อน้อย อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
-------------------
โดยเนื้อหาในการกล่าวโทษนั้น มีรายละเอียดที่ Thai Monks คัดย่อออกมาเฉพาะ ประเด็นความผิดทางพระวินัย
ที่พุทธอิสระ ยอมรับความผิดในทางโลกไปแล้ว และพุทธอิสระก็กำลังอยู่ระหว่างเสียค่าปรับเพื่อเป็นการชดใช้ค่าเสียหาย
ที่พุทธอิสระ ยอมรับความผิดในทางโลกไปแล้ว และพุทธอิสระก็กำลังอยู่ระหว่างเสียค่าปรับเพื่อเป็นการชดใช้ค่าเสียหาย
ทว่า การออกมาให้สัมภาษณ์ ออกสื่อ ของพุทธอิสระในวันเวลาเดียวกันนั้น พุทธอิสระอ้างว่า ตนไม่มีความผิดทางพระวินัย
แต่ Thai monks เห็นท่าไม่ได้การ เพราะ พุทธอิสระ กำลังหลบเลี่ยงความผิดทางพระวินัย ที่ตนได้กระทำไปแล้วจริง แต่กลับพูดจาบ่ายเบี่ยง ไม่ยอมรับผิด หัวรั้น สมดังที่คณะสงฆ์อ้างเอาความหัวดื้อ ไม่รู้สำนึกผิด เป็นเหตุผล ในการร่วมกันประกาศอุกเขปนียกรรม ต่อพุทธอิสระไปในที่สุด ตามที่สื่อต่างๆ เคยนำเสนอไปแล้ว
-------------------
การบุกยึดสถานที่ราชการ อันเป็นเหตุให้ทรัพย์สินส่วนราชการได้รับความเสียหาย ถ้าดูตามที่เจตนา และ ความพยามของพุทธอิสระ ในคลิป youtube พบว่า การบุกยึดสถานที่ราชการ เป็นการออกคำสั่งโดย พุทธอิสระ ซึ่งเป็นคนพูดเองว่า "เราต้องออกมาช่วยกัน" ปรากฎอยู่ในคลิปนี้
-------------------
และการกระทำของพุทธอิสระ ที่บุกยึดสถานที่ราชการนั้น ก็กินเวลาหลายเดือน จึงส่อเจตนาอยู่แล้วว่า ต้องการ ยึดสถานที่ราชการจริง
จน ทรัพย์สินในพื้นที่ราชการนั้น ได้รับความเสียหาย ตีราคาเป็นเงินจำนวนมาก
จน ทรัพย์สินในพื้นที่ราชการนั้น ได้รับความเสียหาย ตีราคาเป็นเงินจำนวนมาก
-------------------
ซึ่ง ศาลได้พิเคราะห์พฤติการณ์ของจำเลยแล้ว จึงมีคำพิพากษาของศาลแพ่งให้จำเลยที่ 1 คือ “หลวงปู่พุทธอิสระ” หรือ “พระสุวิทย์ ธีรธัมโม” ให้ต้องร่วมกันรับผิดกับจำเลยที่ 2 (พล.ต.สมเกียรติ วัฒนวิกย์กิจ) ร่วมกันใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ (DSI) เป็นจำนวนเงิน 899,203 บาท พร้อมดอกเบี้ย ร้อยละ 7.5 นับจากวันถัดฟ้อง คือ วันที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ.2557 และให้จำเลยร่วมกันจ่ายค่าฤชาธรรมเนียมศาล และค่าทนายความแก่โจทก์อีกเป็นจำนวนเงิน 10,000 บาท
-------------------
โดยคำสั่งศาล สั่งให้พุทธอิสระ ชดใช้ค่าเสียหายนั้น เป็นหลักฐานยืนยันที่ชัดแจ้งว่า ว่าทรัพย์สินราชการ ถูกตีราคาว่าเสียหายเกิน 5 มาสก อย่างชัดแจ้ง
-------------------
การบุกยึดสถานที่ราชการของพุทธอิสระในครั้งนั้น แม้โดยพฤติกรรมมิส่อว่าเป็นการลักขโมย โดยการนำไปเสียจากเจ้าของทรัพย์
แต่ทรัพย์สินส่วนราชการ ก็หลุดไปจากความครอบครองของเจ้าของ (คือถูกทำลาย) อาศัยมูลเหตุ ที่ทรัพย์สินถูกทำลายนั้น
แต่ทรัพย์สินส่วนราชการ ก็หลุดไปจากความครอบครองของเจ้าของ (คือถูกทำลาย) อาศัยมูลเหตุ ที่ทรัพย์สินถูกทำลายนั้น
การกระทำของพุทธอิสระ ก็ได้ชื่อว่า ทำให้ทรัพย์เคลื่อนจากฐาน
ดังนั้น พุทธอิสระก็ต้องอาบัติปาราชิก ตามสิกขาบท พระวินัยปิฎก มหาวิภังค์ ในหมวด ถลัฎฐวิภาค (ถะ-ลัด-ถะ-วิ-พาก )
ใจความว่า
ที่ชื่อว่า ทรัพย์ตั้งอยู่บนพื้น ได้แก่ทรัพย์ที่เขาวางไว้บนพื้น
ภิกษุมีไถยจิตคิดจะลักทรัพย์ที่ตั้งอยู่บนพื้น
เที่ยวแสวงหาเพื่อนก็ดี เดินไปก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ
ลูบคลำ ต้องอาบัติทุกกฏ
ทำให้ไหว ต้องอาบัติถุลลัจจัย
ให้เคลื่อนจากฐาน ต้อง
อาบัติปาราชิก.
ภิกษุมีไถยจิตคิดจะลักทรัพย์ที่ตั้งอยู่บนพื้น
เที่ยวแสวงหาเพื่อนก็ดี เดินไปก็ดี ต้องอาบัติทุกกฏ
ลูบคลำ ต้องอาบัติทุกกฏ
ทำให้ไหว ต้องอาบัติถุลลัจจัย
ให้เคลื่อนจากฐาน ต้อง
อาบัติปาราชิก.
-------------------
ประเด็นที่พุทธอิสระ ต้องอาบัติปาราชิก ก็คือ ทำให้ทรัพย์สินเคลื่อนจากฐาน โดยการทำลาย ให้ตกไปจากความครอบครองของเจ้าของ
-------------------
รวมกระทั่ง "บทภาชนีย์" ตามพระวินัยที่ว่า เที่ยวแสวงหาเพื่อนก็ดี เดินไปก็ดี เหล่านั้น มีผลผูกพันธ์ ครบถ้วนกระบวนความ
ซึ่งหมายความโดยอรรถ ว่า
คำว่า #เที่ยวแสวงหาเพื่อนก็ดี
ย่อมหมายถึง แค่เริ่มชักชวนม็อบ หรือเพื่อนรวมอุดมการ์ณในการบุกยึดสถานที่ราชการ
ย่อมหมายถึง แค่เริ่มชักชวนม็อบ หรือเพื่อนรวมอุดมการ์ณในการบุกยึดสถานที่ราชการ
คำว่า #เดินไปก็ดี
ย่อมหมายถึง การย่างเท้าโดยมีเจตนาเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการ
ดังนี้นั้น เป็นพฤติกรรม ที่พุทธอิสระ เลี่ยงไม่พ้นข้อกล่าวหา อย่างแท้จริง
ย่อมหมายถึง การย่างเท้าโดยมีเจตนาเข้าไปบุกยึดสถานที่ราชการ
ดังนี้นั้น เป็นพฤติกรรม ที่พุทธอิสระ เลี่ยงไม่พ้นข้อกล่าวหา อย่างแท้จริง
-------------------
นั่นคือ พุทธอิสระ ระดมมวลชน เที่ยวแสวงหาเพื่อน และ เดินเข้าไป ทำให้ทรัพย์สินส่วนราชการ เช่น กรวย อุปกรณ์สำนักงาน เป็นต้น ให้มีอันต้องเคลื่อนจากฐาน ดังที่ปรากฎเป็นภาพในสื่อ ทั้งภาพ และ วีดีโอ เหล่านั้น เป็นการกระทำที่พุทธอิสระ ต้องอาบัติปาราชิก จริงๆ
-------------------
พระวินัยเหล่านี้ คือ พุทธดำรัส ได้ทรงตรัส ดักคอไว้หมดแล้ว
แม้จะมีคนพูดแก้ต่างว่า แค่เดินผ่านเฉยๆ ไม่ได้คิดขโมย หรือ
ไม่ได้คิดทำลาย ก็ตาม แต่อย่าลืมว่า พระวินัยนี้ ทรงบัญญัติโดยความเป็นผู้รู้แจ้งโลก ของพระสัพพัญญูพุทธเจ้า
พุทธอิสระ จะแถ ดิ้น ไปต่างๆ นานา อย่างไร ก็หนีความผิดไปไม่ได้
แม้จะมีคนพูดแก้ต่างว่า แค่เดินผ่านเฉยๆ ไม่ได้คิดขโมย หรือ
ไม่ได้คิดทำลาย ก็ตาม แต่อย่าลืมว่า พระวินัยนี้ ทรงบัญญัติโดยความเป็นผู้รู้แจ้งโลก ของพระสัพพัญญูพุทธเจ้า
พุทธอิสระ จะแถ ดิ้น ไปต่างๆ นานา อย่างไร ก็หนีความผิดไปไม่ได้
cr.thai monks
ไม่มีความคิดเห็น