ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

ตระเวนเช็คบิล ที่ดินสาขาธรรมกาย พระพยอมชี้ ปัญญาอ่อน ?


ในห้วงเวลานี้ มีกระแสข่าว เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ และ ทหาร ได้รับคำสั่งจากหน่วยงานที่ไม่เปิดเผย ให้ไปตรวจสอบสถานที่ตั้งของสาขาวัดพระธรรมกายหลายแห่ง ไม่ว่าสาขาดังกล่าวจะกำกับดูแลโดยผู้มีอำนาจสั่งการจากส่วนกลางของวัดพระธรรมกาย หรือ เป็นสาขาวัดพระธรรมกาย ในสถานะเป็นเอกเทศ ไม่ขึ้นตรงต่อวัดพระธรรมกาย ก็ตาม ที่ดินเหล่านั้น กำลังถูกนำมาขีดเส้นให้เป็นเกมชิงพื้นที่มวลชนในกระแสสื่ออยู่ในเวลานี้

ล่าสุด ในหนังสือพิมพ์โลกวันนี้ออนไลน์ ได้เผยแพร่บทความคอลัมน์ "สำนักข่าวพระพยอม" ต่อกรณีที่วัดพระธรรมกายถูกตรวจสอบที่ดินวัดสาขาในท้องที่ต่างๆ ที่อาจถูกตั้งข้อกล่าวหาว่า รุกล้ำพื้นที่ป่าสงวน หรือ พื้นที่นิคม หรือไม่ มีรายละเอียดของบทความ ที่พระพยอมได้แสดงความคิดเห็นไว้ ดังนี้
-------------------
คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
การจะทำอะไรบางครั้งมันอ่านใจกันยากเสียเหลือเกิน โดยเฉพาะการสั่งให้ไปตรวจ ไปสำรวจ ไปหาข้อมูล คนสั่งบางทีสั่งงานไป สั่งงานมา เข้าทางอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น เรื่องให้ไปตรวจสอบสาขาวัดพระธรรมกายที่โน่น ที่นี่ ที่นั่น แล้วทำแบบไม่รอบคอบ ก็ไปเข้าทางโฆษกวัดพระธรรมกาย คุณองอาจ ธรรมนิทา ที่พูดได้เยี่ยม นิ่มๆ

ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะด่าเช็ดเลยก็ได้ ส่งไปตรวจที่เชียงใหม่ โคราช รุกป่าเขาอุทยานหรือไม่ รุกที่นิคมตัวเองไหม ไอ้นั่นมันพอจะเป็นไปได้ ที่เชียงใหม่เขาก็อยู่ในเมือง ให้ไปสำรวจว่าบุกป่ารุกเขา กินที่อุทยานป่าไม้อะไรหรือเปล่า

ที่ขำที่สุด แต่ขำไม่ออก คือ เจ้าหน้าที่ไม่รู้ว่าหน่วยงาน องค์กรอะไรสั่งให้ไปตรวจ สาขาที่บางประหัน แล้วสาขานี้เขาบอกตั้งอยู่ในทุ่งนา คนสั่งให้ไปดูสิว่ารุกป่าเขา รุกอุทยานอะไรหรือเปล่า ก็มันเป็นท้องนา มันจะมีป่าเขา อุทยานอะไร ข้าราชการเขาก็เลยซัดเอา นึกว่าตัวเองมีอำนาจ จะสั่งอะไร สั่งเอาๆ โดยไม่ต้องคำนึงว่ามันเหมาะสมถูกต้อง ควรหรือไม่ควร

ตอนนี้ก็เข้าเนื้อละสิ เขาก็จวกกลับว่านี่แกล้งเขาหรือเปล่า ปฏิบัติสองมาตรฐานหรือไม่ นี่แทนที่คดีจะเดินไปอย่างยุติธรรมทางกฎหมาย กลายเป็นถูกมองว่าดีเอสไอ (กรมสอบสวนคดีพิเศษ) แกล้งเขาหรือเปล่า

เพราะฉะนั้นการทำงานของราชการ กินเงินเดือนแล้วยังสั่งแบบว่างี่เง่า ก็จะหาว่าแรงไป สั่งไม่รอบคอบ ไม่ถ้วนถี่ ไม่ละเอียดละออ เพราะพื้นที่ตรงนั้นถึงใครจะมาร้องเรียน เราฟัง เราก็ต้องเอะใจว่ามันไม่มีป่า มีเขา แล้วมาร้องเรียนว่าสาขาธรรมกายบุกป่า รุกเขา อุทยาน มันจะเป็นไปได้ยังไง เมื่อมันไม่มีป่า มีเขา

นี่คือสิ่งที่เป็นสัญญาณบอกว่าแย่แล้วหน่วยงานราชการของเรา ไม่ได้ทำอะไรให้มันถูกต้องชอบธรรม เหมาะสม ใคร่ครวญ ทำแบบให้เป็นช่องว่างให้เขาด่าได้ ให้เขาเล่นงานเอาเปล่าๆ เจ็บปวดกันเปล่าๆ อันนี้เป็นเรื่องที่อยากจะฝากบอกว่า ใครเป็นผู้บังคับบัญชาลองไปตรวจสอบข้าราชการพวกนั่งเทียนหน่อย นึกจะสั่งก็สั่ง โดยไม่ได้คำนึงความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน กลายเป็นทำให้คุณค่าความเป็นราชการกลายเป็นปัญญาอ่อนกว่าชาวบ้าน แทนที่จะเป็นข้าราชการที่ประชาชนมองว่ามีสติปัญญาเหนือชาวบ้าน มันเป็นได้ยังไง เขาก็ขำกลิ้งเลย

อาตมาเห็นคุณองอาจนั่งยิ้มเลย สั่งให้ไปตรวจสอบสาขาธรรมกายที่บางประหันว่าบุกรุก รุกเขา อุทยานไหม ซึ่งบางประหันมันเป็นท้องนา ทุ่งนา มันจะมีหุบเขา มีป่าอะไรให้รุกได้ เลยหน้าแตกไป ข้าราชการหน่วยไหนที่สั่งไปก็หน้าแตก

เป็นเรื่องที่ทำให้เขาได้จังหวะตีกลับ ย้อนรอย เขาเรียกว่าขอดเกล็ดเอาเลย บอบช้ำแย่ไปเลย ก็ต้องถือว่า เป็นบทเรียนต่อไปก็แล้วกัน อย่าได้พลาดอย่างนี้อีก หรือว่าจะเป็นลับ ลวง พรางก็ไม่แน่เหมือนกันน่ะ เดี๋ยวนี้มันมีเรื่องลับ ลวง พรางได้เยอะ อาจจะทำให้สับสนมองไปว่า ข้าราชการแกล้งเขา แกล้งประชาชน แกล้งคณะสงฆ์

ผลที่สุดงานนี้ก็เข้าทาง ลองไปไล่บี้ลูกน้องดูสิว่า ทำไมทำให้ผู้หลักผู้ใหญ่ในกระทรวงเสียหน้า ระบบราชการถูกมองว่าปัญญาอ่อนแล้ว ยังถูกมองว่าเป็นกระทรวง เป็นกรมกร๊วก ไม่ได้เรื่องได้ราว ต้องบอกว่างานนี้ขายขี้หน้าไปหลายโยชน์เลยทีเดียว
เจริญพร
--------------------

นับเป็นอีกครั้งที่พระพยอม ตามเกมทัน และรู้ลึก รู้จริง ว่าอะไรเป็นอะไร จึงได้แสดงวิสัยทัศน์ให้สังคมได้แลเห็นพฤติกรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ บางคน ที่ปฏิบัติหน้าที่อันนำมาซึ่ง ข้อกังขา ในสายตาประชาชน และ ผู้เสียหาย สร้างความเคลือบแคลงใจ และไม่อาจยอมรับกระบวนการดำเนินคดีตามวิธีดังกล่าว

เพราะอาจจะกลายเป็น บรรทัดฐานว่า ผู้ถือกฎหมาย หากตั้งธงจะเล่นงานใคร ก็ย่อมดำเนินการ บังคับใช้กฎหมายตามอำเภอใจ โดยปราศจาก จุดยืน

กล่าวคือ เมื่อดำเนินดคี ไม่ถึงที่สุด อันเนื่องด้วยประสบพบเจออุปสรรคใดๆ ก็ตามที เจ้าหน้าที่กลุ่มนี้ ก็เปลี่ยนจุดยืนเอาดื้อ ๆ จู่ๆ ก็เบนเข็มไป สลับสับเปลี่ยนเนื้อหา ในการกล่าวโทษ ประจานความผิดอื่นๆ เพิ่มเติม ที่อยู่นอกเหนือจากพยานหลักฐานทางคดีในฐานความผิดเดิม ที่มีการร้องทุกข์กล่าวโทษไว้แต่แรก

การกระทำในลักษณะนี้ ก็เพื่อ ชี้นำกระแสสื่อ เป็นแรงหนุน มาร่วมกันประโคมข่าว ทำให้ผู้เสียหาย กลายเป็นเหยื่ออารมณ์ความรู้สึกด้านลบ ที่กระทบต่อผู้คนในสังคม ทำให้เหยื่อ ตกอยู่ในเงื้อมมือผู้ถือกฎหมาย ช่วยให้ผู้ถือกฎหมาย ใช้อำนาจรัฐ สร้างความได้เปรียบต่อตนเองหรือกลุ่มของตน อย่างฉ้อฉล

เอาเป็นว่า หนนี้ ทาง Thai Monks เห็นจะต้องชื่นชมอนุโมทนา กับพระพยอม ที่ยังคงมีจุดยืนในเรื่อง ความกล้า ที่จะออกมาพูดความจริง ด้วยหลักการและเหตุผล ที่ท่านพระพยอมมองเห็นด้วยตัวท่านเอง

กราบสาธุ
Cr : Thai Monks
**ข้อมูลอ้างอิง
1.) 29,6.2559 / ปัญญาอ่อน? / โดย พระพยอม กัลยาโณ
http://www.lokwannee.com/web2013/?p=225732

1 ความคิดเห็น