พระเป็นเหยื่อ เป็นผู้เสียหาย หยุด กล่าวร้ายพระ
ขอย้ำว่า พระไม่ได้ “บกพร่องโดยสุจริต”
บกพร่องโดยสุจริต ไม่มี พระเป็นเหยื่อ เป็นผู้เสียหาย หยุด กล่าวร้ายพระ
ขณะนี้กระแส เรื่องเงินทอน กำลังท่วม ข่าว ท่วม โซเชียลอยู่ และมีสื่อมวลชนบางส่วนปั่นกระแสสร้างข่าว เพื่อให้ยอดการเข้าชมของเพจตนหรือช่องของตนให้เพิ่มขึ้น โดยไม่สนใจแล้วว่าจะบุญหรือบาป จนขนาดกล่าวหา ว่าวัดที่รับเงินอุดหนุนไปเป็นวัดเลว เป็นวัดที่ร่วมทุจริตไปแล้ว
ขนาดบางวัดถึงขนาดแถลงกับสื่อมวลชน ว่าไม่เกี่ยวข้องแล้วก็ยังยัดเยียดสำนวน “บกพร่องโดยสุจริต” ให้
ขอย้ำว่า พระไม่ได้ “บกพร่องโดยสุจริต”
เพราะถ้าจะบกพร่องพระต้องมีส่วนร่วมรู้เห็นในการทุจริตด้วย แต่พระไม่มีส่วนร่วมด้วยเลย ซึ่งต้องถือว่าพระเป็นเหยื่อ แต่แทนที่สื่อมวลชนจะช่วยยืนยันกันว่าท่านเป็นเหยื่อ เป็นผู้เสียหายถูกหลอกโดยเจ้าหน้าที่บางส่วนของรัฐที่กระทำการโดยทุจริต กลับกล่าวหา ว่าคล้ายกับว่าพระมีส่วนร่วม วัดมีส่วนร่วมกับข้าราชการเพื่อโกงเอาเงินทอนนั้น
ยิ่งนานวันกลับมีข่าวมาตลอดว่าวัดต่างๆที่มีส่วนได้รับ เงินอุดหนุนจากทางราชการกลายเป็นวัดไม่ดีกลายเป็นวัดที่ชั่ว วัดในกรุงเทพฯ รวยแล้วแย่งเงินจากวัดจนๆ แกล้งทำเป็นจนบ้าง ขนาดเกิดวาทะกรรม ว่าไม่มาบวชที่วัดที่รับเงินอุดหนุน วัดที่มีการก่อสร้างใหญ่โต
สังคมไทยเป็นอะไร
สรุปว่าวัดที่แจ้งรับตกลงเงินสนับสนุนจากรัฐบาล หรือจากหน่วยงานของรัฐ ต้องพิสูจน์ก่อนใช่ไหม ว่าเป็นวัดจน เป็นวัดอนาถา พระต้องไปบวชไกลๆห่างความเจริญ ถึงจะดีหรือ เราวัดความดีของพระที่การไม่มีวัตถุแล้วหรือ ไม่ได้วัดที่ศีล ไม่ได้วัดที่ธรรมหรืออย่างไร
การรับเงินอุดหนุนจากรัฐ เกิดขึ้น จากฝ่ายรัฐเห็นความจำเป็นของแต่ละวัดซึ่งมีแตกต่างกัน ซึ่งหากมีจุดบกพร่องขึ้นก็ต้องแก้ไข ยิ่งเกิดจากข้าราชการแล้วก็ยิ่งต้องแก้ไขจากระบบราชการ แต่แทนที่จะเร่งแก้ไขจากภายใน กลับมาเร่งหาความผิดจากวัดต่างๆ เหมือนยังว่า วัด และพระเป็นผู้ต้องหา เป็นผู้ก่ออาชญากรรมนั้นเอง
ยิ่งมีพระจากวัดแถวนครปฐมส่งข้อมูลให้สื่อมวลชนว่า มีวัดนั้นวัดนี้ได้รับเงินอุดหนุนแล้วทำประหนึ่งว่าวัดเหล่านั้นเป็นวัดที่มีความผิดแล้ว นี่คืออะไร ทำไมพระรูปนี้ถึงได้รับเอกสารข้อมูลทางราชการประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้ แต่กลับมีหลักฐานทั้งเลขเช็ค รู้เวลารับจ่ายซึ่งเป็นข้อมูลในเชิงลึก ก็คงขอฝากผอ. พศให้ไปตรวจสอบว่าข้อมูลนี้หลุดมาจากทางฝ่ายไหนแน่ ไม่เช่นนั้น ก็อาจจะมีข้อกล่าวหาว่าสมรู้ร่วมคบกันหรือไม่ จากที่เคยสงสัยกันมา จากเหตุการณ์ คลิปหลุด บทสนทนาลับ ที่โด่งดัง
หยุด! สร้างกระแสว่า พระทำผิด พระมีส่วนรู้เห็น เพราะพระเป็นเหยื่อของข้าราชการบางคนที่ฉวยโอกาส อาศัยความคุ้นเคย เข้ามาหลอกพระ เพื่อแสวงประโยชน์จากพระทั้งนั้น และต้นเหตุของเรื่องจริงๆ ก็มาจากข้าราชการบางคนของสำนักพุทธ ทำทั้งนั้น
Cr : ดินสอสีดำ
พระท่านทำดีมาตลอด หยุดทำร้าย ทำลายพระพุทธศาสนาเสียที หยุดว่าร้ายพระและวัดเสียเถิด มันไม่เป็นความจริง
ตอบลบหยุดทำร้ายพระพุทธศาสนา
ตอบลบหลายวัดจำเป็นต้องรับเงินอุดหนุนจากรัฐฐบาล
ตอบลบเพราะไม่งั้นโบสถ์วิหารศาลาการเปรียญก็สร้างไม่เสร็จสักที
บางครั้งอาจต้องแลกมาด้วยการถูกเจ้าหน้าที่รัฐบางคน ใช้อำนาจบังคับต่างๆนาๆ
อย่างเช่น บังคับเอาเงินอุดหนุนที่วัดได้รับกลับไปเป็นของตัวเอง
ถ้าหากไม่รับเงินอุดหนุนเหล่านี้
วัดอาจต้องทรุดโทรมลงไปเรื่อยเรื่อย
เหมือนที่เกิดขึ้นกับวัดเสน่หาจังหวัดนครปฐม
อาคารเรียนโรงเรียนพระปริยัติธรรม ไม่สามารถสร้างได้และถูกปล่อยให้เป็นอนุสรณ์สถานมานานเกือบ 20 ปี
เหตุเพราะเจ้าอาวาสปฏิเสธให้เงินทอนแก่ผู้บริหารระดับสูงของกรมการศาสนา
ซึ่งเรียกเงินมากเป็น 10 ล้าน
และคงมีอีกหลายวัดทั่วประเทศ
ที่โดนกระทำจากเจ้าหน้าที่รัฐในลักษณะนี้
จนกระทั่ง
พระ สาธุชน ไม่มีสถานที่ประพฤติปฏิบัติธรรม ศึกษาพระบาลี
การทุจริตครั้งนี้ ทำให้วัดและพระพุทธศาสนาเสียหายเป็นอย่างมาก
วัดควรอยู่ในฐานะโจทก์หรือพยาน
ไม่ใช่จำเลยสังคม
อย่างที่บางคนกำลังพยายามสร้างประเด็นโยนบาปให้พระอยู่ในขณะนี้
สาเหตุ เกิดจากเจ้าหน้าที่สำนักพุทธ
สำนักพุทธ ควรรีบสอบสวนเอาผิดลูกน้องตัวเอง
จำเป็นต้องทำให้พระและชาวพุทธมั่นใจได้ว่า จะไม่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ขึ้นอีก
และที่สำคัญ
อย่าลืมเอาเงินที่ทุจริตไป กลับมาคืนวัดด้วยนะครับ
ลิงก์ข่าววัดเสน่หา
http://news.thaipbs.or.th/content/264330