ประเทศไทย ไม่มีกาสิโนสถาน
แต่ทำมั้ย...คนในระบบราชการไทย เต็มไปด้วย"หัวลูกเต๋า"?
คนปลายซอย
ศุกรที่ ๑๓ มกราคม ๒๕๖๐
"คนเพื่อระบบหรือระบบเพื่อคน?"
เอ้า...ดู!
๓ ปีแล้ว ยังไม่รู้จะปฏิรูประบบราชการกันตรงไหนใช่มั้ย?
เอานี่ไปถอดรหัส.........
"เจ้าหน้าที่กับเพื่อนนักโทษถามว่า ทำไมไม่ยอมจ่าย ทำไมไม่ยัดเงินจะได้จบๆ ถ้าเสียเงินให้ตำรวจแต่แรกเรื่องก็ไม่ยาวขนาดนี้ ทำไมไม่เลือกที่จะจ่ายจะได้จบ
เราเสียใจว่า ทำไมคนส่วนใหญ่คิดแบบนี้ ทำไมเลือกที่จะจบง่ายๆแบบนั้น ตำรวจก็ได้ใจสิ"
-ครูจอมขวัญ แสนเมืองโคตร
"แพะ"ในระบบสอบสวนตำรวจ
ผู้ติดคุกเพราะ"เลือกในทางไม่จ่าย"
กับข้อความในหนังสือลาออกจากราชการของปลัดอำเภอคนหนึ่ง ลงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๐
"............เข้ารับราชการเป็นปลัดอำเภอตั้งแต่วันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๓๒จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา ๒๗ ปี ๑๑ เดือน ๑๕ วัน แต่ไม่ประสบความก้าวหน้าในราชการแต่อย่างใด
ประกอบกับการมีอายุราชการเหลือเพียง ๔ ปี ๔ เดือน ซึ่งพิจารณาจากระบบงานแล้วเห็นว่า คงไม่มีความก้าวหน้าใดเพิ่มขึ้น
อีกทั้งเมื่อมองในแง่กฎแห่งกรรม เชื่อว่าได้ชดใช้เวรกรรมให้กรมการปกครองหมดสิ้นแล้ว จึงเรียนมาเพื่อขอลาออกจากราชการตั้งแต่วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๐"
-นายสกล จริงจิตร
ปลัดอำเภอสิเกา จังหวัดตรัง
๒ กรณีนี้"อ่าน-ฟัง"แล้วดี เพราะทำให้เกิดธรรมสงเวช ทำให้จิตมั่น ว่านี่ต้องที่ประเทศไทยแน่ๆ และมีแต่ในระบบราชการไทยเท่านั้น
โดยเฉพาะในระบบ"ตำรวจ"!
เรื่องครูจอมขวัญ เชี่ยวกรากในโซเชียลมีเดีย พอๆกับน้ำไหลบ่าท่วมภาคใต้และประจวบฯที่บางสะพาน
เธอนอนดูโทรทัศน์อยู่กับบ้านที่สกลนคร แต่ตำรวจเรณูนคร นครพนม มาจับเป็นผู้ต้องหาขับรถชนคนตายที่เรณูนคร
ผลเชื่อมั่นตัวเองไม่ได้ทำผิด จะต้องไปกลัวอะไร เธอต้องชดใช้เวรกรรมให้สถาบันตำรวจ ด้วยการ"ติดคุก"ในขั้นศาลฎีกา ๓ ปี ๒ เดือน เมื่อปี ๕๖
ได้รับอภัยโทษออกมา ปี ๕๘ หลังอยู่ในคุก ๑ ปี ๖ เดือน!
จากคำพูดข้างบนนั้น..........
สมแล้วที่เป็นครู แม้ชีวิตและครอบครัวต้องแตกพินาศกับ"กรรมที่ไม่ได้ก่อ"ถึงพ้นโทษแล้ว เธอยังศรัทธาใน"ความเป็นผู้ไม่ผิด"
และเชื่อ"ความยุติธรรมมีอยู่จริงในประเทศไทย"
ด้วยศรัทธานั้น.........
เธอกับครูเพื่อนแท้"รจนา จันทรัตน์"ช่วยกันตามหาความเป็นผู้ไม่ผิดในเส้นทางยุติธรรม แม้ริบหรี่ แต่เมื่อมีศรัทธา ก็มีหวัง
นี่คือ"แบบอย่างของ"คนสู้"
ไม่ใช่สู้เพื่อความยุติธรรม หากแต่สู้เพื่อเรียกร้องเอา"ความเป็นผู้ไม่ผิด"กลับคืนมา
มองด้วยสัญชาติญาน อาจมองว่าเธอ"สู้เพื่อตัวเอง"
แต่ถ้ามองด้วยจิตวิญญาน จะเห็นทันที
นี่คือ"ต้นแบบ"มนุษย์ผู้ไม่ยอมจำนนให้กับอสัตย์ธรรม ตราบใดที่หยิ่งในศักดิ์ศรี มีความบริสุทธิ์ในการกระทำเป็นอาภรณ์
ตราบนั้น "ผู้ผิด"ในกระบวนการ จะขวยใจ........
หากแต่ต้อง"อดและทน"ในการค้นหาและรอคอยหน่อยเท่านั้น!
เพราะนี่คือ"สังคมมนุษย์"ที่มีมากกว่า ๖,๐๐๐ ล้านคน และทุกคนกระหายหา ในการที่่"ความยุติธรรม"มีจำกัด เหตุนั้น ด้วยมากและหลากหลายมนุษย์
อยากได้ ก็ต้อง"ยื้อเอา"ดังนี้แหละ!
ต้องเข้าใจก่อนว่า ระบบศาลบ้านเรา เป็นระบบกล่าวหา โจทก์-จำเลย มีหน้าที่หาพยาน-หลักฐานมาหักล้างกันเอง
ศาลท่านมีหน้าที่ฟัง แล้ววินิจฉัยชี้ขาดตามน้ำหนักพยาน-หลักฐานนั้น ไม่มีอำนาจไปสืบเสาะคนหาพยานหลักฐานอื่นใดได้เอง
ฉะนั้น"ตำรวจ-อัยการ-ทนาย"มีหน้าที่-บทบาทสำคัญในกระบวนการยุติธรรมระบบกล่าวหา
คนที่ชอบพูด"ไม่ผิด-ไม่ติดคุก"ไปดูในคุกสิ หัวก่ายไป!
ฉะนั้น จำไว้เลย ขึ้นชื่อว่าระบบกล่าวหา ใครถูกกล่าวหา"ผิด-ถูก"อย่างไร เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ตัวเองได้
แต่เชื่อใจคนอื่นไม่ได้ ฉะนั้น ขึ้นโรง-ขึ้นศาล เอาทนายทัดหูไปด้วย...เป็นตัวช่วยได้อยู่!
เพราะตำรวจ เมื่อเขาจับ"หลักฐานมัดแน่นหนา"ทุกรายแหละ ส่วนอัยการ พูดจากประสบการณ์ตัวเอง มักบอก...ไปว่ากันที่ศาลก็แล้วกันนะ!
สำหรับคดีครูจอมขวัญ...........
ถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติบอกว่า ตั้งกรรมการสอบนายตำรวจเจ้าของคดีแล้ว ซึ่งตอนนี้ ยศ พ.ต.ท. คือ
"พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ โพธิโหน่ง"ปัจจุบันเป็น รองผู้กำกับอยู่โรงพักคำชะอี มุกดาหาร
ก็คงตั้งทอนกระแสไม่พอใจสังคมต่อองค์กรตำรวจเท่านั้น เพราะการทำหน้าที่ของพ.ต.ท.ทนงศักดิ์ มีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาคุ้มครองอยู่
เอาผิด-เอาถูก คงยาก!
ที่ทำได้ ก็ด้าน"จิตสำนึก"จากผู้นำองค์กรตำรวจ และผู้ทำคดี จะกล่าวขอโทษครูจอมขวัญ ขอโทษสังคม สำนึกในความบกพร่องอย่างผู้เจริญแล้วพึงมี-พึงทำเท่านั้น
ตอนนี้ กระทรวงยุติธรรม ทำหน้าที่เยียวยาครูจอมขวัญอยู่ มันมีขั้นตอนมากที่ต้องใจเย็น
ส่วนการรื้อฟื้นคดีใหม่ ก็สบายใจได้..........
ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ ให้ศาลชั้นต้น คือ"ศาลจังหวัดนครพนม"รื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่แล้ว
เห็นทาง พ.ต.อ. ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดยุติธรรม บอก ๑๖ มกรา.คือจันทร์ที่จะถึงนี้ ศาลนัดสืบพยานนัดแรก
ความยุติธรรม"ไม่ใช่ของเรา"อยู่ที่เขาจะให้-ไม่ให้
แต่ความบริสุทธิ์"เป็นของเรา"ฉะนั้น จะได้-ไม่ได้ ไงก็ต้องทวงเอาของเราคืนมาก่อน!
เท่าที่อ่านข่าว ...........
ตอนนี้ผู้ขับรถชนคนตาย"ตัวจริง"พบแล้ว และเขาก็ยอมรับ รถที่ชนก็อยู่ครบ ไม่น่ามีปัญหาว่าครูจอมขวัญจะไม่ได้รับความเป็นผู้ไม่ผิดคืนมา เพียงแต่ต้องเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายเท่านั้น
ฟังเพื่อนครูจอมขวัญผู้ทำหน้าที่นักสืบจน"พบตัว-พบรถ"คันที่ชนจริง แล้วดูการทำคดีของตำรวจและตรวจสำนวนฟ้องของอัยการ ด้วยใจเป็นกลางขนาดไหน
ก็ยัง"ปลงใจ"ไม่สนิท"!
ดูง่ายๆ เหตุเกิดอำเภอเรณูนคร นครพนม พยานให้การ รถที่ชนเฉี่ยวผู้ตายเป็นรถกระบะ สีเขียว จำได้แค่ บค 56 ส่วนชื่อจังหวัดไม่ทันเห็น
แทนที่ พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ เจ้าของคดีวันนั้น เมื่อปี ๒๕๔๘ จะสุ่มตรวจทะเบียนรถในพื้นที่ คือย่าน"นครพนม-มุกดาหาร"ก่อนเป็นอันดับแรก
กลับมุ่งสุ่มตรวจไปที่สกลนคร ว่ามีรถทะเบียนหมายเลข บค 56มั้ย?
บค 56 ก็มีทุกจังหวัด แต่ตำรวจทึกทักทันทีว่า คันนี้แหละ ใช่รถที่ชนแล้วหนี!
ทั้งที่รถครูจอมขวัญเป็นรถเก๋ง สีนำตาลบรอนซ์ ส่วนสีรถที่ชนถลอกติดจักรยานเป็นสีเขียว ขนาดเอาป้ายทะเบียนซึ่งเป็นสีเขียวไปให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจ
ผลตรวจออกมา"ไม่พบร่อยรอยการชน"ขนาดนั้นแล้ว ไหงสำนวนออกมาอีกแบบ?
รถที่ชนก็คนละประเภท สีก็คนละสี ตรวจพิสูจน์แล้ว ไม่มีร่องรอยการชน แถมอยู่คนละจังหวัด
และที่สำคัญ วัน-เวลาเกิดเหตุ ที่อ.เรณูนคร นครพนม ครูจอมจวัญนอนดูโทรทัศน์กับสามีและลูกอยู่กับบ้านที่้สกลนคร
แถมพยานให้ปากคำไว้ ตอนชน คนขับรถชนเปิดรถลงมาดูก่อนหนี เป็นผู้ชาย แต่ตำรวจกลับลบคำว่า"ผู้ชาย"ในสำนวนสอบสวนทิ้งไป
ไม่ได้ว่าตำรวจแต่งหรือบิดสำนวน.........
แต่นี่คือสิ่งชี้ให้เห็น"ตำรวจจับเอง-สอบสวนเอง-ทำสำสวนฟ้องเอง"มันยังใช้ได้อยู่หรือ?
ตำรวจคนนี้ต้องเก่งในการทำสำนวน"สไตล์ตำรวจ"ที่มองผู้ต้องหาทุกคน ยังไงๆ มัน"ต้องผิด"
ไม่งั้น...อัยการผู้ตรวจสำนวนจะสั่งฟ้อง-สั่งไม่ฟ้อง คงไม่เคลิ้มตาม ถึงขั้นสั่งฟ้อง
โดยไม่มีจุด"ไม่สมบูรณ์"ที่ต้องให้ไปสอบสวน-สืบเสาะพยาน-หลักฐานเพิ่มเติม?
ตำรวจน่ะ...เวลาสอบสวน ไปพูดอะไรกับเขามาก เขาก็ไม่พอใจ บางทีตวาด...ลื้อหัวหมอเรอะ
อย่างที่ครูจอมขวัญเล่า ดูพิมพ์คำให้การ ตำรวจลบคำว่า"ผู้ชาย"ออกต่อหน้า-ต่อตา
ใครจะทำอะไรตำรวจได้ล่ะ ต่อให้นายกฯด้วย เพราะนายกฯจับตำรวจไม่ได้ แต่ตำรวจ.......
แง่งเดียว ก็"จับนายกฯได้"!
จะปฏิรูปตำรวจกันชาตินี้หรือชาติหน้า ก็ดูเอา...ตัวอย่างล้นประเทศเห็นๆอยู่
พูดมากไป สะเทือนใจ"พี่ๆน้องๆ"หมู่พยัคฆ์เขาเปล่าๆ!
กฎระเบียบ มีเป็น"มาตรฐานกลาง"เวลาใช้ ด้วยเจตนารมณ์ ให้ผู้ใช้ นำไปใช้ ด้วยดุลยธรรมพินิจ
ครูจอมขวัญถูกออกจากอาชีพครู ครอบครัวลำบาก มีลูกๆต้องเลี้ยงดู ให้การศึกษา ซ้ำทางพฤตินัย เป็นที่ประจักษ์กับทุกฝ่ายว่า"เธอเป็นผู้บริสุทธิ์"
จะอ้าง รอรื้อคดีมีผลเป็นที่ยุติก่อนบ้าง อายุเลย ๕๐ ปี ขอกลับเข้ารับราชการไม่ได้บ้าง
ประเทศไทย ไม่มีกาสิโนสถาน
แต่ทำมั้ย...คนในระบบราชการไทย เต็มไปด้วย"หัวลูกเต๋า"?
๓ ปีแล้ว ยังไม่รู้จะปฏิรูประบบราชการกันตรงไหนใช่มั้ย?
เอานี่ไปถอดรหัส.........
"เจ้าหน้าที่กับเพื่อนนักโทษถามว่า ทำไมไม่ยอมจ่าย ทำไมไม่ยัดเงินจะได้จบๆ ถ้าเสียเงินให้ตำรวจแต่แรกเรื่องก็ไม่ยาวขนาดนี้ ทำไมไม่เลือกที่จะจ่ายจะได้จบ
เราเสียใจว่า ทำไมคนส่วนใหญ่คิดแบบนี้ ทำไมเลือกที่จะจบง่ายๆแบบนั้น ตำรวจก็ได้ใจสิ"
-ครูจอมขวัญ แสนเมืองโคตร
"แพะ"ในระบบสอบสวนตำรวจ
ผู้ติดคุกเพราะ"เลือกในทางไม่จ่าย"
กับข้อความในหนังสือลาออกจากราชการของปลัดอำเภอคนหนึ่ง ลงวันที่ ๘ มกราคม ๒๕๖๐
"............เข้ารับราชการเป็นปลัดอำเภอตั้งแต่วันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๓๒จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา ๒๗ ปี ๑๑ เดือน ๑๕ วัน แต่ไม่ประสบความก้าวหน้าในราชการแต่อย่างใด
ประกอบกับการมีอายุราชการเหลือเพียง ๔ ปี ๔ เดือน ซึ่งพิจารณาจากระบบงานแล้วเห็นว่า คงไม่มีความก้าวหน้าใดเพิ่มขึ้น
อีกทั้งเมื่อมองในแง่กฎแห่งกรรม เชื่อว่าได้ชดใช้เวรกรรมให้กรมการปกครองหมดสิ้นแล้ว จึงเรียนมาเพื่อขอลาออกจากราชการตั้งแต่วันที่ ๒๓ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๐"
-นายสกล จริงจิตร
ปลัดอำเภอสิเกา จังหวัดตรัง
๒ กรณีนี้"อ่าน-ฟัง"แล้วดี เพราะทำให้เกิดธรรมสงเวช ทำให้จิตมั่น ว่านี่ต้องที่ประเทศไทยแน่ๆ และมีแต่ในระบบราชการไทยเท่านั้น
โดยเฉพาะในระบบ"ตำรวจ"!
เรื่องครูจอมขวัญ เชี่ยวกรากในโซเชียลมีเดีย พอๆกับน้ำไหลบ่าท่วมภาคใต้และประจวบฯที่บางสะพาน
เธอนอนดูโทรทัศน์อยู่กับบ้านที่สกลนคร แต่ตำรวจเรณูนคร นครพนม มาจับเป็นผู้ต้องหาขับรถชนคนตายที่เรณูนคร
ผลเชื่อมั่นตัวเองไม่ได้ทำผิด จะต้องไปกลัวอะไร เธอต้องชดใช้เวรกรรมให้สถาบันตำรวจ ด้วยการ"ติดคุก"ในขั้นศาลฎีกา ๓ ปี ๒ เดือน เมื่อปี ๕๖
ได้รับอภัยโทษออกมา ปี ๕๘ หลังอยู่ในคุก ๑ ปี ๖ เดือน!
จากคำพูดข้างบนนั้น..........
สมแล้วที่เป็นครู แม้ชีวิตและครอบครัวต้องแตกพินาศกับ"กรรมที่ไม่ได้ก่อ"ถึงพ้นโทษแล้ว เธอยังศรัทธาใน"ความเป็นผู้ไม่ผิด"
และเชื่อ"ความยุติธรรมมีอยู่จริงในประเทศไทย"
ด้วยศรัทธานั้น.........
เธอกับครูเพื่อนแท้"รจนา จันทรัตน์"ช่วยกันตามหาความเป็นผู้ไม่ผิดในเส้นทางยุติธรรม แม้ริบหรี่ แต่เมื่อมีศรัทธา ก็มีหวัง
นี่คือ"แบบอย่างของ"คนสู้"
ไม่ใช่สู้เพื่อความยุติธรรม หากแต่สู้เพื่อเรียกร้องเอา"ความเป็นผู้ไม่ผิด"กลับคืนมา
มองด้วยสัญชาติญาน อาจมองว่าเธอ"สู้เพื่อตัวเอง"
แต่ถ้ามองด้วยจิตวิญญาน จะเห็นทันที
นี่คือ"ต้นแบบ"มนุษย์ผู้ไม่ยอมจำนนให้กับอสัตย์ธรรม ตราบใดที่หยิ่งในศักดิ์ศรี มีความบริสุทธิ์ในการกระทำเป็นอาภรณ์
ตราบนั้น "ผู้ผิด"ในกระบวนการ จะขวยใจ........
หากแต่ต้อง"อดและทน"ในการค้นหาและรอคอยหน่อยเท่านั้น!
เพราะนี่คือ"สังคมมนุษย์"ที่มีมากกว่า ๖,๐๐๐ ล้านคน และทุกคนกระหายหา ในการที่่"ความยุติธรรม"มีจำกัด เหตุนั้น ด้วยมากและหลากหลายมนุษย์
อยากได้ ก็ต้อง"ยื้อเอา"ดังนี้แหละ!
ต้องเข้าใจก่อนว่า ระบบศาลบ้านเรา เป็นระบบกล่าวหา โจทก์-จำเลย มีหน้าที่หาพยาน-หลักฐานมาหักล้างกันเอง
ศาลท่านมีหน้าที่ฟัง แล้ววินิจฉัยชี้ขาดตามน้ำหนักพยาน-หลักฐานนั้น ไม่มีอำนาจไปสืบเสาะคนหาพยานหลักฐานอื่นใดได้เอง
ฉะนั้น"ตำรวจ-อัยการ-ทนาย"มีหน้าที่-บทบาทสำคัญในกระบวนการยุติธรรมระบบกล่าวหา
คนที่ชอบพูด"ไม่ผิด-ไม่ติดคุก"ไปดูในคุกสิ หัวก่ายไป!
ฉะนั้น จำไว้เลย ขึ้นชื่อว่าระบบกล่าวหา ใครถูกกล่าวหา"ผิด-ถูก"อย่างไร เชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ตัวเองได้
แต่เชื่อใจคนอื่นไม่ได้ ฉะนั้น ขึ้นโรง-ขึ้นศาล เอาทนายทัดหูไปด้วย...เป็นตัวช่วยได้อยู่!
เพราะตำรวจ เมื่อเขาจับ"หลักฐานมัดแน่นหนา"ทุกรายแหละ ส่วนอัยการ พูดจากประสบการณ์ตัวเอง มักบอก...ไปว่ากันที่ศาลก็แล้วกันนะ!
สำหรับคดีครูจอมขวัญ...........
ถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติบอกว่า ตั้งกรรมการสอบนายตำรวจเจ้าของคดีแล้ว ซึ่งตอนนี้ ยศ พ.ต.ท. คือ
"พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ โพธิโหน่ง"ปัจจุบันเป็น รองผู้กำกับอยู่โรงพักคำชะอี มุกดาหาร
ก็คงตั้งทอนกระแสไม่พอใจสังคมต่อองค์กรตำรวจเท่านั้น เพราะการทำหน้าที่ของพ.ต.ท.ทนงศักดิ์ มีประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาคุ้มครองอยู่
เอาผิด-เอาถูก คงยาก!
ที่ทำได้ ก็ด้าน"จิตสำนึก"จากผู้นำองค์กรตำรวจ และผู้ทำคดี จะกล่าวขอโทษครูจอมขวัญ ขอโทษสังคม สำนึกในความบกพร่องอย่างผู้เจริญแล้วพึงมี-พึงทำเท่านั้น
ตอนนี้ กระทรวงยุติธรรม ทำหน้าที่เยียวยาครูจอมขวัญอยู่ มันมีขั้นตอนมากที่ต้องใจเย็น
ส่วนการรื้อฟื้นคดีใหม่ ก็สบายใจได้..........
ศาลอุทธรณ์ภาค ๔ ให้ศาลชั้นต้น คือ"ศาลจังหวัดนครพนม"รื้อฟื้นคดีอาญาขึ้นพิจารณาใหม่แล้ว
เห็นทาง พ.ต.อ. ดุษฎี อารยวุฒิ รองปลัดยุติธรรม บอก ๑๖ มกรา.คือจันทร์ที่จะถึงนี้ ศาลนัดสืบพยานนัดแรก
ความยุติธรรม"ไม่ใช่ของเรา"อยู่ที่เขาจะให้-ไม่ให้
แต่ความบริสุทธิ์"เป็นของเรา"ฉะนั้น จะได้-ไม่ได้ ไงก็ต้องทวงเอาของเราคืนมาก่อน!
เท่าที่อ่านข่าว ...........
ตอนนี้ผู้ขับรถชนคนตาย"ตัวจริง"พบแล้ว และเขาก็ยอมรับ รถที่ชนก็อยู่ครบ ไม่น่ามีปัญหาว่าครูจอมขวัญจะไม่ได้รับความเป็นผู้ไม่ผิดคืนมา เพียงแต่ต้องเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมายเท่านั้น
ฟังเพื่อนครูจอมขวัญผู้ทำหน้าที่นักสืบจน"พบตัว-พบรถ"คันที่ชนจริง แล้วดูการทำคดีของตำรวจและตรวจสำนวนฟ้องของอัยการ ด้วยใจเป็นกลางขนาดไหน
ก็ยัง"ปลงใจ"ไม่สนิท"!
ดูง่ายๆ เหตุเกิดอำเภอเรณูนคร นครพนม พยานให้การ รถที่ชนเฉี่ยวผู้ตายเป็นรถกระบะ สีเขียว จำได้แค่ บค 56 ส่วนชื่อจังหวัดไม่ทันเห็น
แทนที่ พ.ต.ท.ทนงศักดิ์ เจ้าของคดีวันนั้น เมื่อปี ๒๕๔๘ จะสุ่มตรวจทะเบียนรถในพื้นที่ คือย่าน"นครพนม-มุกดาหาร"ก่อนเป็นอันดับแรก
กลับมุ่งสุ่มตรวจไปที่สกลนคร ว่ามีรถทะเบียนหมายเลข บค 56มั้ย?
บค 56 ก็มีทุกจังหวัด แต่ตำรวจทึกทักทันทีว่า คันนี้แหละ ใช่รถที่ชนแล้วหนี!
ทั้งที่รถครูจอมขวัญเป็นรถเก๋ง สีนำตาลบรอนซ์ ส่วนสีรถที่ชนถลอกติดจักรยานเป็นสีเขียว ขนาดเอาป้ายทะเบียนซึ่งเป็นสีเขียวไปให้กองพิสูจน์หลักฐานตรวจ
ผลตรวจออกมา"ไม่พบร่อยรอยการชน"ขนาดนั้นแล้ว ไหงสำนวนออกมาอีกแบบ?
รถที่ชนก็คนละประเภท สีก็คนละสี ตรวจพิสูจน์แล้ว ไม่มีร่องรอยการชน แถมอยู่คนละจังหวัด
และที่สำคัญ วัน-เวลาเกิดเหตุ ที่อ.เรณูนคร นครพนม ครูจอมจวัญนอนดูโทรทัศน์กับสามีและลูกอยู่กับบ้านที่้สกลนคร
แถมพยานให้ปากคำไว้ ตอนชน คนขับรถชนเปิดรถลงมาดูก่อนหนี เป็นผู้ชาย แต่ตำรวจกลับลบคำว่า"ผู้ชาย"ในสำนวนสอบสวนทิ้งไป
ไม่ได้ว่าตำรวจแต่งหรือบิดสำนวน.........
แต่นี่คือสิ่งชี้ให้เห็น"ตำรวจจับเอง-สอบสวนเอง-ทำสำสวนฟ้องเอง"มันยังใช้ได้อยู่หรือ?
ตำรวจคนนี้ต้องเก่งในการทำสำนวน"สไตล์ตำรวจ"ที่มองผู้ต้องหาทุกคน ยังไงๆ มัน"ต้องผิด"
ไม่งั้น...อัยการผู้ตรวจสำนวนจะสั่งฟ้อง-สั่งไม่ฟ้อง คงไม่เคลิ้มตาม ถึงขั้นสั่งฟ้อง
โดยไม่มีจุด"ไม่สมบูรณ์"ที่ต้องให้ไปสอบสวน-สืบเสาะพยาน-หลักฐานเพิ่มเติม?
ตำรวจน่ะ...เวลาสอบสวน ไปพูดอะไรกับเขามาก เขาก็ไม่พอใจ บางทีตวาด...ลื้อหัวหมอเรอะ
อย่างที่ครูจอมขวัญเล่า ดูพิมพ์คำให้การ ตำรวจลบคำว่า"ผู้ชาย"ออกต่อหน้า-ต่อตา
ใครจะทำอะไรตำรวจได้ล่ะ ต่อให้นายกฯด้วย เพราะนายกฯจับตำรวจไม่ได้ แต่ตำรวจ.......
แง่งเดียว ก็"จับนายกฯได้"!
จะปฏิรูปตำรวจกันชาตินี้หรือชาติหน้า ก็ดูเอา...ตัวอย่างล้นประเทศเห็นๆอยู่
พูดมากไป สะเทือนใจ"พี่ๆน้องๆ"หมู่พยัคฆ์เขาเปล่าๆ!
กฎระเบียบ มีเป็น"มาตรฐานกลาง"เวลาใช้ ด้วยเจตนารมณ์ ให้ผู้ใช้ นำไปใช้ ด้วยดุลยธรรมพินิจ
ครูจอมขวัญถูกออกจากอาชีพครู ครอบครัวลำบาก มีลูกๆต้องเลี้ยงดู ให้การศึกษา ซ้ำทางพฤตินัย เป็นที่ประจักษ์กับทุกฝ่ายว่า"เธอเป็นผู้บริสุทธิ์"
จะอ้าง รอรื้อคดีมีผลเป็นที่ยุติก่อนบ้าง อายุเลย ๕๐ ปี ขอกลับเข้ารับราชการไม่ได้บ้าง
ประเทศไทย ไม่มีกาสิโนสถาน
แต่ทำมั้ย...คนในระบบราชการไทย เต็มไปด้วย"หัวลูกเต๋า"?
ไม่มีความคิดเห็น