ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

สะเทือนทั้งวงการ "สรยุทธฟีเวอร์"



สรยุทธ์มาคนเดียวสะเทือนทั้งวงการ "สรยุทธฟีเวอร์"





ทีวีกำลังจะเป็นอดีต โซเชี่ยลมีเดียคืออนาคต โฆษณาก็กำลังตามลงไป พร้อมๆ สื่อกระแสหลัก หลังจากขาดทุน ปิดตัวเองระนาวในปี 2559 หลายค่ายตั้งเป้าว่าปี 60 จะไปเปิดสมรภูมิใหม่ในโลกออนไลน์ ทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ แต่วันนี้ สรยุทธ์กลับมายึดหัวหาด มาคนเดียวสะเทือนทั้งวงการ คำถามคือจะมีองค์กรสื่อเอาจริยธรรม จรรยาบรรณ ไปปิดปากห้ามรายงานข่าวเหมือนบีบช่อง 3 ถอดจากพิธีกรไหม ? ... (DMC มา Live สดก่อนใครเพื่อนเลย จากร้ายกลายเป็นดีซะงั้น)

Cr : Ptt Cnkr


“สรยุทธฟีเวอร์” สื่อว่าไง


ที่มา คอลัมน์ 
ใบตองแห้ง www.khaosod.co.th/politics
นํ้าท่วมใหญ่ไม่มี สรยุทธ สุทัศนะจินดา ได้ไง เหมือนประเทศนี้ขาดอะไรไปอย่าง ว่าแล้วเฟซบุ๊กไลฟ์ “กรรมกรข่าว” ก็กลับมาสร้างปรากฏการณ์ บางคลิปมีคนดูเกือบล้าน น้องๆ ข่าวภาคค่ำช่องที่มีคนดูมากที่สุด มากกว่าสถานีข่าวหลายช่องรวมกัน ที่แน่ๆ เรตติ้งสูงกว่าไทยพีบีเอสที่ใช้เงินภาษีบาปปีละ 2 พันล้าน (ไม่อยากเทียบรายการคืน วันศุกร์)
พูดได้ว่า “ข้ามาคนเดียว” สะเทือนทั้งวงการ ไม่ใช่แค่ ด้านเรตติ้ง แต่รวมวิธีการนำเสนอ การจับประเด็น ที่เป็น จุดเด่นแต่ไหนแต่ไร
แหงละ วันนี้เฟซบุ๊กไลฟ์ยังเทียบทีวีไม่ได้ แต่อย่าลืม สื่อกำลังวิกฤต ทั้งนิตยสาร หนังสือพิมพ์ ทีวี ปิดกิจการ ขายหุ้น เจ๊งมโหฬาร รายได้ไม่คุ้มค่ากระดาษ ค่าใบอนุญาต ค่าส่งสัญญาณ ฯลฯ ขณะที่การสื่อสารผ่านโซเชี่ยลมีเดีย ไปยังสมาร์ตโฟน ที่คนสมัยนี้พกติดตัวแทบทุกคน ไม่ต้องลงทุนอะไรมาก นอกจากลงแรงเป็น “กรรมกรข่าว” กับช่างภาพทีมงานไม่กี่คน
ทีวีกำลังจะเป็นอดีต โซเชี่ยลมีเดียคืออนาคต ขนาด “วู้ดดี้ เกิดมาคุย” ยังทิ้งช่อง 9 ไปออกเฟซบุ๊กไลฟ์ ซึ่งคุยว่ามีรายได้มากกว่า 2 เท่า เพราะไม่ต้องจ่ายค่าเช่าเวลา
โฆษณาก็กำลังตามลงไป พร้อมๆ สื่อกระแสหลัก หลังจากขาดทุน ปิดตัวเองระนาวในปี 2559 หลายค่ายตั้งเป้าว่าปี 60 จะไปเปิดสมรภูมิใหม่ในโลกออนไลน์ ทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ ขนาดไทยพีบีเอสยังมีข่าวมุ่งทำเว็บไซต์แข่ง The Matter, The Momentum
แต่วันนี้ สรยุทธ์กลับมายึดหัวหาด มาคนเดียวสะเทือนทั้งวงการ คำถามคือจะมีองค์กรสื่อเอาจริยธรรม จรรยาบรรณ ไปปิดปากห้ามรายงานข่าวเหมือนบีบช่อง 3 ถอดจากพิธีกรไหม
เอาอะไรไปห้ามละครับ เฟซบุ๊กเป็นพื้นที่ส่วนบุคคล เปิดให้ทุกคนเป็นสื่อได้ นาย ก. นาย ข. โพสต์ภาพโพสต์คลิปลงสื่อออนไลน์ คนดูมากคนดูน้อยก็ตามความสมัครใจ เว้นแต่ใช้ พ.ร.บ.คอมพ์ฉบับใหม่ห้ามฐาน “ขัดศีลธรรมอันดี” ไอ้นี่มันชั่วมันโกง โดนศาลตัดสิน ไม่สมควร รายงานข่าวน้ำท่วมช่วยชาวบ้าน?
คุณจะห้ามยังไงในเมื่อคนเขาดูกัน หรือจะพาลด่าคนดู ไม่รู้จักแยกแยะสื่อไหนดีมีศีลธรรม แถมสองมาตรฐาน ทีพิธีกร “กราบรถกู” เอาตาย
ก็มันต่างกันไง นั่นนอกจากขาดสติ ใช้กำลัง ยังแสดงทัศนะไม่เหมาะต่อคนที่ด้อยกว่า (ต้อยต่ำกว่ารถมินิ) สรยุทธไม่เคยดูถูกคน ไม่มีปัญหาการปฏิบัติตนในหน้าที่ แต่โดนคดีเรื่องธุรกิจ ถูกกล่าวหาว่าติดสินบนพนักงาน อสมท เป็นเช็คเข้าบัญชี หักภาษี ณ ที่จ่าย แต่เมื่อคดียังไม่ถึงที่สุด และไม่กระทบความเชื่อมั่นของคนดู ว่าสรยุทธจะรายงานข่าวอย่างมืออาชีพ ก็ไม่มีใครห้ามเรตติ้งได้
ถ้าว่าสองมาตรฐาน แล้วทำไมพวกที่เชื่อมั่นสนธิ ลิ้ม จนวินาทีสุดท้าย กลับโวยวายต่อต้านสรยุทธ
คนอ่านคนดูสมัยนี้เข้าใจดีว่าโลกไม่ได้มีแค่สีขาวดำ สื่อ ที่อ้างเป็นคนดีมีศีลธรรม แต่ลำเอียงก็เยอะไป เพียงแต่สรยุทธกลายเป็น “เป้ารวมหมู่” ของความรู้สึกบางอย่าง เช่นเมื่อปี 57 ตอนสำนักปลัดกระทรวงกลาโหมรวบรวมความเห็นปฏิรูป สื่อก็มีรายงานตอนหนึ่งสะท้อนความน้อยเนื้อต่ำใจ
“สื่อสารมวลชนทำตัวเป็นดาราค่าตัวแพง ผู้ประกาศข่าวกลายเป็นดาราที่แสดงเพียงบทอ่านข่าว ส่วนผู้สื่อข่าวที่ทำงานหนักจริงจังมีรายได้น้อยแทบเลี้ยงครอบครัวไม่รอด ผู้สื่อข่าวสงครามบาดเจ็บล้มตายไปมากมาย ส่วนดาราอ่านข่าวหน้ากล้องเข้าสังคมหรูหรา”
แหม่ ตอนนี้สื่อตกงานก็เยอะ ถ้าสรยุทธจัดเฟซบุ๊กไลฟ์เป็นล่ำเป็นสัน ฟันค่าโฆษณา นักจริยธรรมสื่อคงตาร้อนผ่าว แต่ไม่รู้จะเอาอำนาจอะไรมาจัดการ เว้นแต่จะใช้ พ.ร.บ.สื่อฉบับใหม่ที่สปท.กำลังร่าง บังคับสื่อต้องมีใบอนุญาต ไม่งั้นประกอบวิชาชีพไม่ได้
ซึ่งก็มีคำถามอีก เอ๊ะ ถ้างั้นคนเล่นเฟซบุ๊กทุกคนต้องมี ใบอนุญาตไหม เพราะรายงานข่าวคนยิงหมาแถวบ้าน วิจารณ์อาหาร วิจารณ์ดารา ก็กลายเป็นสื่อได้ เฟซบุ๊กทำให้นักวิชาการ นักธุรกิจ คนดัง กระทั่งคนธรรมดา เป็นสื่อหมด เผลอๆ มี คนกดไลก์มากกว่าสื่ออาชีพด้วยซ้ำ แต่ก็ยังมีคนร่างกฎหมายถอยหลัง บังคับควบคุมสื่อให้ต้องมีใบอนุญาตออกความเห็น
ปรากฏการณ์สรยุทธ สะเทือนวงการสื่อก็ตรงนี้ ตรงที่สะท้อนว่าเสรีภาพสื่อไม่มีใครปิดกั้นได้ เว้นแต่ใช้อำนาจเบ็ดเสร็จเผด็จการปิดกั้นเสรีภาพประชาชนทั้งหมด ส่วนองค์กรสื่อทั้งหลายที่คิดจะ “ควบคุมกันเอง” ถ้าแน่จริง ก็ลงสมรภูมิไปแข่งขันแย่งชิงคนดู

ไม่มีความคิดเห็น