ประชาชนรู้สึกสับสนวิธีทำงานของ 2 หน่วยงานรัฐ ???
การตั้งข้อหาใดก็ตาม ในวิชากฎหมายเบื้องต้น กล่าวว่าองค์ประกอบสำคัญในการตั้งข้อหาคือ
1. ต้องมีการกระทำผิดที่ชัดเจน
2. ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน
3. ต้องมีลำดับเวลาเหตุการณ์ที่ชัดเจน
4. ต้องมีพยานที่น่าเชื่อถือ
2. ต้องมีหลักฐานที่ชัดเจน
3. ต้องมีลำดับเวลาเหตุการณ์ที่ชัดเจน
4. ต้องมีพยานที่น่าเชื่อถือ
เพราะสิ่งเหล่านี้ คือการแสดงสภาพแห่งข้อหาอย่างชัดเจน ว่าบุคคลนั้นกระทำความผิดจริง การตั้งข้อสงสัยโดยการกล่าวหาลอยๆ โดยขาดหลักพื้นฐานนี้ เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ เพราะจะทำให้ประชาชนเดือดร้อน จากหลักการพื้นฐานนี้ สิ่งที่ประชาชนเห็น และเปรียบเทียบได้ชัดเจนจากการทำงาน ของ 2 หน่วยงานรัฐ ในการสืบสวนคดีเดียวกันก็คือ
หน่วยงานหนึ่ง เวลาแถลงข่าวแต่ละครั้ง จะใช้วิธีกล่าวหานำไปก่อน โดยไม่มีพยานและหลักฐาน
ที่เป็นสาระสำคัญของคดี มาแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แก่สังคม ทำให้ภาพที่ออกมาดูไม่ต่างจากการกล่าวหาลอยๆ เพื่อทำลายชื่อเสียง ทำให้ผู้ถูกล่าวหาตกเป็น "แพะ" ของสังคม ตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ที่เป็นสาระสำคัญของคดี มาแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์แก่สังคม ทำให้ภาพที่ออกมาดูไม่ต่างจากการกล่าวหาลอยๆ เพื่อทำลายชื่อเสียง ทำให้ผู้ถูกล่าวหาตกเป็น "แพะ" ของสังคม ตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ขณะที่อีกหน่วยงานหนึ่ง เวลาแถลงข่าวแต่ละครั้ง จะต้องมีทั้งพยานและหลักฐานที่ใช้เป็นสาระสำคัญของคดีได้ ทำให้ประชาชนรู้สึกได้ว่า การทำงานมีหลักการ การปฏิบัติงานมีหลักเกณฑ์ ให้การคุ้มครองว่า ผู้ถูกกล่าวหายังเป็นผู้บริสุทธิ์ตามหลักสิทธิมนุษยชน ไม่ใช่การกล่าวหาลอยๆ เพื่อทำลายชื่อเสียง
ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาตกเป็น "แพะ" ของสังคม ตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
ทำให้ผู้ถูกกล่าวหาตกเป็น "แพะ" ของสังคม ตั้งแต่ยังไม่ทันเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
เมื่อเปรียบเทียบวิธีทำงานของ 2 หน่วยงานรัฐนี้แล้ว ก็จะพบข้อสังเกต 3 ประการ คือ
1. หน่วยงานที่ปฏิบัติงานโดยใช้วิธีกล่าวหานำไปก่อน สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนเป็นอย่างมาก เพราะใช้วิธีตั้งข้อหาจับติดคุกไปก่อน แล้วค่อยมาสืบหาหลักฐานและพยานในภายหลัง ซึ่งไม่ต่างจากการจับ "แพะ" ส่งให้ "ศาล" ถ้าแพะแก้ต่างข้อกล่าวหาบนศาลไม่ได้ก็ติดคุกฟรี แต่ถ้าแพะหักล้างข้อกล่าวหารอดมาได้ก็ไม่มีการเยียวยา
2. หน่วยงานที่ใช้วิธีกล่าวหานำไปก่อน ทำงานแบบใช้ "ศาล" เป็น "ลูกน้อง" ช่วยตามล้างตามเก็บคดีที่รกโรงรกศาล แต่อีกหน่วยงานหนึ่ง ใช้วิธีทำงานแบบระมัดระวัง ผลกระทบที่จะเกิดแก่ประชาชนทุกย่างก้าว เป็นการทำงานเพื่อกลั่นกรองข้อมูลให้แก่ศาล แบ่งเบาภาระของศาล ไม่ใช่เอาศาลมาเป็นลูกน้อง
3. ในกรณี 308 คดี ของวัดพระธรรมกายก็เช่นกัน เป็นการตั้งคดีแบบกล่าวหานำไปก่อน แล้วค่อยหาหลักฐานพยานมาเพิ่มทีหลังทั้งสิ้น เพื่อจะได้ใช้เป็นข้ออ้างในการขอออกหมายจับจากศาล
ทำให้เกิดความสงสัยว่า ตกลงแล้วทำคดีแบบกลั่นกรองให้ศาล หรือทำงานแบบปั่นยอดคดีโยนให้ศาลตามแก้ปัญหากันแน่
ทำให้เกิดความสงสัยว่า ตกลงแล้วทำคดีแบบกลั่นกรองให้ศาล หรือทำงานแบบปั่นยอดคดีโยนให้ศาลตามแก้ปัญหากันแน่
จากข้อสังเกตในวิธีทำงานทั้ง 2 หน่วยงานนี้เอง ทำให้ประชาชนรู้สึกสับสน และอดคิดในใจไม่ได้ว่า
ตกลงแล้ว การทำงานของหน่วยงานใด ถึงจะเรียกได้ว่า
1. เป็นระเบียบราชการที่ถูกต้อง
2. ให้การคุ้มครองแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
3. แบ่งเบาภาระการทำงานของศาล
4. เกิดประโยชน์ต่อกระบวนการยุติธรรม
5. เป็นที่พึ่งแก่ประชาชนผู้เดือดร้อน
6. ช่วยลดปริมาณคดีความที่ค้างอยู่บนศาล ถึง 1.4 ล้านคดี ให้ลดน้อยลง บอกตามตรงประชาชนงงจริงๆ
?
2. ให้การคุ้มครองแก่ชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
3. แบ่งเบาภาระการทำงานของศาล
4. เกิดประโยชน์ต่อกระบวนการยุติธรรม
5. เป็นที่พึ่งแก่ประชาชนผู้เดือดร้อน
6. ช่วยลดปริมาณคดีความที่ค้างอยู่บนศาล ถึง 1.4 ล้านคดี ให้ลดน้อยลง บอกตามตรงประชาชนงงจริงๆ
?
ขอบคุณภาพประกอบ : การ์ตูนเซีย ไทยรัฐ.
Cr : Ptt Cnkr
ประเทศไม่เป็นประชาธิปไตย อะไรก็เกิดได้
ตอบลบเมือคนพาลอ้างว่าตนทำตามกฎหมาย แต่สิ่งที่ทำตรงข้ามแล้วจะหวัง ความยุติธรรม มันเกิดขึ้นไม่ได้ดอก
ตอบลบจะกล่าวหาอะไรกันก็ให้มันมีเค้าบ้าง ไม่ใช่ว่านึกจะพูดอะไรให้ใครเขาเสียหายก็พูดโดยไม่มีความเกรงกลัวต่อวิบากกรรมเลยแม้แต่นิดเดียว
ตอบลบยุคนี้ถือเป็นยุคคนพาลรังแกพระศาสนา ใช้อำนาจทำชั่วสารพัดแล้วยังไม่สำนึกว่าตนเองผิด สร้างความแตกแยกและร้าวฉานให้สังคมไทย ให้รบกันเองฆ่ากันเองแบบตะวันออกกลาง ความเชื่อที่ใช้สงครามเข้ามาทำลายประเทศไทย ถ้าเป็นเมื่อก่่อนจะมีกลุ่มคนออกมายับยั๊งคนเหล่านี้ แต่ประเทศไทยกลายเป็นสังคมตักตวง ประโยชน์ตน
ตอบลบยุคนี้อยู่ลำบาก นึกอยากจะเข้าบ้านใคร ยัดข้อหาให้ใคร ทำได้สบาย ห้ามพูด ห้ามคิด ห้ามมีสิทธิ์ มีเสียงอีกด้วยนะ
ตอบลบนอกจากจะสับสนแล้ว ยังสงสัยอีกว่า จบเอกมโนศาสตร์หรือ???
ตอบลบรัฐทำแบบนี้ท่านเห็นสมควรแล้วหรือค่ะแยกแยะไม่ออกทำงานเกินหน้าที่
ตอบลบปีใหม่แล้ว คุณไม่คิดที่จะหยุดทำชั่วบ้างหรือคะ?
ตอบลบสับสนมานานแล้วคร๊าบ
ตอบลบเขาเปลี่ยนแปลงการปกครองจาก ระบอบประชาธิปไตย เป็น มโนธิปไตย แล้วค่ะ ตัวใครตัวท่านเด้อค่าเด้อ ระวังอยู่ดีดี จะต้องคำสาปให้กลายเป็นแพะ
ตอบลบบุญบาปมีจริง จะเชื่อตอนเป็นหรือว่าจะเชื่อตอนตายก็เลือกเอาเองแล้วกัน..สำหรับพวกมีอำนาจทั้งหลาย
ตอบลบทำอะไรตามใจข้าได้ทุกอย่าง ทุกอย่างวุ่นวายไปหมด ไม่รู้ใครเป็นใครมั่วซั่ว เพื่อจุดประสงค์เดียว ที่มุ่งหมายทำลายพุทธศาสนา
ตอบลบหลวงพ่อสอนให้ทำใจให้สงบ ทำบุญ ทำดีค่ะ
ชัดเจน ศาลออกหมายจับ ต้องมอบตัว
ตอบลบถ้าเค่นี้ทำไม่ได้ ไม่ต้องวิจารณ์คนอื่น น่าหัวเราาะ
พระพุทธศาสนามีภัย พุทธบริษัทสี่ต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน
ตอบลบเหมือนดวงตะวันที่มีดวงเดียว