ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

ชี้แจ้งข่าววัดพระธรรมกาย วันที่ 13 ของการละเมิด “สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของประชาชน” (ภาษาไทย, อังกฤษ, จีน, เยอรมัน)


ชี้แจ้งข่าววัดพระธรรมกาย 
วันที่ 13 ของการละเมิด “สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานของประชาชน”
วัดพระธรรมกายแถลงข่าว ประจำวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560
(ภาษาไทย, อังกฤษ, จีน, เยอรมัน)


Dhammakaya Temple Announcement on Feb 28th, 2017
(in Thai, English, Chinese, German)

2017年2月28日泰國法身寺公告 (泰、英、中、德)

คลิกเล่นสื่อ



1. สำหรับกรณีพระสงฆ์อดอาหารนั้น ขณะนี้เข้าสู่วันที่ 13 ของการถูกจำกัดพื้นที่เข้าออก ยังมีพระสงฆ์ประท้วงให้ยกเลิกมาตรา 44 ด้วยการอดอาหาร เป็นจำนวน 5 รูป ขออนุโมทนาในจิตใจแห่งพุทธบุตรผู้เข้มแข็ง ฝึกตน ทนหิว บำเพ็ญตบะ เป็นพระแท้ อย่างไรก็ตาม ขอกราบอาราธนาให้ยุติเถิด เชื่อว่า ถ้าพระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านทราบเรื่อง ก็คงให้ยุติภารกิจนี้ด้วย กราบอาราธนาทุกรูป เก็บกำลังกายกำลังใจ ไว้เทศน์สอนญาติโยมเถิด แต่อย่าพึงสละชีวิตตอนนี้เลย ขอฝากสื่อไปถึงท่านเหล่านั้นด้วย


 2. กรณีประชาชนขึ้นป้าย We need food ยืนยันว่า ไม่ทราบว่าใครขึ้นป้าย แต่ก็ยินดีเอาลง อย่างไรก็ตาม “ประชาชนไม่มีข้าวกิน เขาก็บอกว่า เขาไม่มีข้าวกิน เขาผิดตรงไหน” ในประกาศ ม.44 มีบอกหรือว่า “ประชาชนห้ามบอกว่าหิวข้าว” และกรณีท่านทีมโฆษก คสช. กล่าวว่า “ประเทศชาติจะอยู่อย่างไร ถ้าไม่มี คสช.” … คสช. ที่ย่อมาจาก คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาตินั้น ปัจจุบันสงบจริงหรือไม่?
ประชาชนในชาติคงเห็นได้อย่างชัดเจน ชนชาติไทยนั้น มีประวัติศาสตร์ยาวนานมาตั้งสมัยยุคกรุงสุโขทัยเป็นราชธานี นับเนื่องมาผ่านยุคกรุงศรีอยุธยา ยุคกรุงธนบุรี จนกระทั่งถึง ยุคกรุงรัตนโกสินทร์ 700 กว่าปี ก็ไม่มี คสช. ก็มีความสงบสุขเรื่อยมา รัฐบาล คสช. มาเพียง 3 ปี ทุกท่าน ก็สามารถนิยาม “ความสุข” ที่ คสช. คืนมาให้พวกเราได้หลากหลาย


เราเชื่อว่า ถ้าไม่มี คสช. เราทั้งหลายก็ยังคงมีความสุขได้ตามอัตภาพแห่งตน

ท่านทั้งหลาย ตาม “กฏไตรลักษณ์” ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสสอน คือ ทุกสรรพสิ่งเกิดขึ้น – ตั้งอยู่ – และเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา ดังนั้น
คสช.อย่ายึดติดในอำนาจเลย เพราะตามหลัก “โลกธรรม 8 ประการ” คือ มีลาภ –เสื่อมลาภ, มียศ – เสื่อมยศ, มีสรรเสริญ-มีนินทา, มีสุข-มีทุกข์ ปะปนกันไป  ดังนั้น อำนาจ มาแล้วก็ไป เป็นของนอกกาย ได้มาแล้วก็ต้องปล่อยไป ให้คนรุ่นหลังมารับภาระแทน ดังนั้น ถึงไม่มี คสช. ด้วยความสามารถของคนไทยเราเอง ประเทศชาติเราก็เดินหน้าไปได้อย่างแน่นอน 

3. ยื่นเอกสาร UN กรณีละเมิดสิทธิมนุษยชน เป็นการแสดงของตามหลักสิทธิ เสรีภาพ ของพลเมืองในประเทศประชาธิปไตยทั้งหลาย ที่สามารถแสดงทางความคิดได้เต็มที่ ไม่ปิดกั้นความเห็นทาง เพราะสังคมปัจจุบัน มีความซับซ้อนมากขึ้น ในเชิงอัตลักษณ์ที่หลากหลาย เป็นสังคมพหุลักษณ์ และพหุวัฒนธรรม แต่สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขและสันติ การแสดงออกในเชิง “สันติสนทนา” หรือ Peace dialogue ไม่ใช่ความรุนแรง ไม่ใช่กำลังทหารนั้น เป็นสิ่งที่โลกหรือประเทศที่เจริญแล้ว นานาอารยะประเทศพึงใช้ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ เพราะการแก้ไขปัญหาด้วยกำลังทหาร เป็น “สันติภาพเชิงลบ” คือ ยุติปัญหาหนึ่งได้ แต่ก่อให้เกิดปัญหาอื่นๆ ที่ตามมามากมาย






 ถ้าประชาชนกับประชาชน หรือ ประชาชนกับรัฐ รบกันเอง ไม่มีใครแพ้ใครชนะ แต่ประเทศชาติอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราทั้งหลายต่างหากที่จะเป็น “ผู้แพ้” และตามมาซึ่งความบอบช้ำ ทั้งชีวิต จิตใจ สังคม เศรษฐกิจ และการเมือง 
ขอให้รัฐบาล น้อมนำรับสั่งของสมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราช องค์ที่ 20 มาใส่เกล้าว่า เรื่องของวัดพระธรรมกาย ขอให้ยุติด้วยความสงบ เรียบร้อย ไม่รุนแรงเถิด 
 4. ความเสียหายที่เกิดขึ้นมาจากการที่ DSI ไม่ยอมมาแจ้งข้อกล่าวหาที่วัด ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก จนบานปลายขนาดนี้ ใครจะรับผิดชอบ อธิบดี? 
และดีเอสไอ ควรไปตามทวงเงิน 10,000 กว่าล้านบาท จากที่อื่น เพราะจากเอกสารทางการเงินของทางวัด ก็ได้ระบุการรับ การจ่าย ไปหมดเรียบร้อยแล้ว อีกทั้งคณะศิษย์ยังลงขันธ์ตั้งกองทุนเพื่อเยี่ยวยาช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบในครั้งนี้อีกด้วย ที่สำคัญ ! ประธานสหกรณ์ ได้ทำหนังสือขอบคุณมายังวัดพระธรรมกาย เรียบร้อยแล้ว ดังนั้น การมาดำเนินคดีกับหลวงพ่อธัมมชโย ย่อมไม่พบอะไร ดังเช่นสุภาษิตของไทยที่ว่า “หาหนวดเต่า เขากระตาย” ย่อมไม่พบอะไร (ดูภาพประกอบ)
 




5. พื้นที่ของวัดตอนนี้ ถูกควบคุมด้วยเจ้าหน้าที่รัฐ 100% การเข้าออกของพระภิกษุ แม้ไปบิณฑบาต ตอนเช้าต้องพกหนังสือสุทธิสงฆ์ ยื่นให้เจ้าหน้าที่ ตรวจสอบ เพื่ออนุญาตให้เข้า-ออกได้ แต่มีข่าวว่า จะมีการใส่ร้ายวัดว่า ปืนเจ้าหน้าที่ 400 กระบอกที่หายไป จะมีการเอามาซุกที่ตู้คอนเทนเนอร์ ในพื้นที่วัด ซึ่งปกติ ใช้เก็บบาตรและจีวร เพื่อโครงการบวชพระแสนรูปทั่วไทย ทางวัดจึงขอชี้แจงไว้ล่วงหน้าว่า หลังจากวันที่ 19 ก.พ. เป็นต้นมา หากเกิดซึ่งผิดปกติขึ้นไม่เกี่ยวกับทางวัด เพราะวันที่ 16-18 ก.พ. เจ้าหน้าที่ค้นอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว และประกาศว่า ไม่พบเป้าหมาย และไม่พบสิ่งผิดกฏหมาย
และตั้งแต่วันที่ 19 ก.พ. วัดอยู่ในพื้นที่ของการควบคุมถึง 3 ชั้น คือ ชั้นที่ 1 DSI ชั้นที่ 2 ตำรวจ และชั้นที่ 3 คือ ทหาร จึงเป็นความรับผิดชอบโดยตรงของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง และขออวยพรว่า เจ้าหน้าที่ท่านใดตรวจค้น จับบาตรและจีวร แล้ว รวมทั้ง เจ้าหน้าที่ DSI ตำรวจ ทหาร ที่มาปฏิบัติหน้าที่ทุกผลัด ทุกท่าน รวมทั้ง สื่อมวลชนที่มาทำข่าวทุกท่าน ขอให้ทุกภพทุกชาติ ได้เกิดเป็นมนุษย์ พบพระพุทธศาสนา และได้บวชตลอดชีวิตทุกชาติเทอญ
 

6. วัดพระธรรมกายยึดหลัก “ธมฺโม หเว รกฺขติ ธมฺมจารึ ธรรมะย่อมรักษาผู้ประพฤติธรรม และ “เย ธัมมา เหตุปปะภะวา เตสัง เหตุ ตะถาคะโต เตสัญจะ โย นิโรโธจะ เอวัง วาที มะหาสะมะโณ” แปลได้ว่า “ธรรมทั้งหลายเกิดแต่เหตุ พระตถาคตเจ้าตรัสบอกถึงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น พร้อมทั้งความดับแห่งเหตุของธรรมเหล่านั้น พระมหาสมณเจ้ามีปกติตรัสสอนอย่างนี้” หมายความว่า เหตุเกิดที่ใด ให้ดับที่นั้น รัฐเป็นคนออกคำสั่ง ม.44 เมื่อไม่พบเป้าหมาย ก็ยกเลิกเสียเหตุการณ์ความไม่สงบก็จะจบลง ทางวัดและลูกศิษย์ถอยมาหลายก้าวแล้วจน #หลังติดกำแพงวัด แล้ว ขอให้รัฐเห็นก็บ้านเมือง ถอยเพียง 1 ก้าว ยกเลิก ม.44 เถิด
7. คำชี้แจงจากคณะศิษย์วัดพระธรรมกาย วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา 10.00 น.
กรณีที่มีหมายค้น ทางวัดพระธรรมกายได้ให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด ในการตรวจค้นทุกพื้นที่ ตามที่เจ้าหน้าที่ต้องการ และในคืนวันที่ 16 - 17 มีเจ้าหน้าที่ 10 นาย คอยผลัดเปลี่ยนทุก 2 ชั่วโมง มาพักค้างภายในเขตวัด เป็นที่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่สรุปภารกิจว่าไม่พบเป้าหมาย และไม่พบสิ่งผิดกฎหมาย แต่ในวันที่ 4 ของภารกิจ เจ้าหน้าที่ประกาศให้พระภิกษุสามเณร และประชาชนผู้บริสุทธิ์ออกจากพื้นที่วัดพระธรรมกายภายใน 15.00 น. จึงเป็นเหตุให้พุทธศาสนิกชน เห็นว่าไม่ใช่เป็นเรื่องส่วนบุคคลของหลวงพ่อธัมมชโย แต่เป็นในเรื่องของหลักการในวงกว้าง ที่พระพุทธศาสนาถูกย่ำยี คุกคาม ด้วยความไม่ชอบธรรมของกฎหมาย

 ขอเรียกร้องให้ยุติการบังคับใช้ ม. 44 กับประชาขนผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กับองค์กรที่เป็นส่วนหนึ่งในเสาหลักของประเทศไทย คือ พระพุทธศาสนา หากคงการบังคับใช้ ม.44 นี้ไว้ จะเกิดผลกระทบกับพระภิกษุสามเณร และประชาชนผู้บริสุทธิ์ ไปในวงกว้าง เพราะความเชื่อมั่นและภาพลักษณ์ของพระพุทธศาสนา รวมไปถึงประเทศชาติจะถูกทำลาย เพราะไม่เคยมีการบังคับใช้กฎหมายในลักษณะเช่นนี้ในประวัติศาสตร์ชาติไทย กับองค์กรทางศาสนามาก่อน 
ดังนั้นจึงขอเรียกร้องให้ผู้ที่มีอำนาจ ได้โปรดพิจารณายกเลิกการบังคับใช้ มาตรา 44 นี้โดยเร็ว


วันที่ 28 ก.พ. 2560
ที่มา www.facebook.com/sanitwong 

ไม่มีความคิดเห็น