ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

เถียงแทนพระ (ตอนที่ ๑) “อิทธิพลมหานิกาย !! ลูกองคมนตรีก็เจอมาแล้ว จากฝีมือวิษณุ” “แฉ.. มาเฟียมหานิกาย แสดงอำนาจเถื่อน เขี่ย พ.ต.อ. พงศ์พร...”

เถียงแทนพระ (ตอนที่ ๑)
------------------------
#อิทธิพลมหานิกาย !! ลูกองคมนตรีก็เจอมาแล้ว จากฝีมือวิษณุ”
“แฉ.. มาเฟียมหานิกาย แสดงอำนาจเถื่อน เขี่ย พ.ต.อ. พงศ์พร...”






----------------------------


อดีต ผอ.พศ. บอก พระผู้ใหญ่ Untouchable สะสม “อำนาจ-เงิน” ล้มรัฐบาลได้!
เผยแพร่: 16 ก.ย. 2560 00:40:00 โดย: MGR Online
“ต้องแก้ พรบ. คณะสงฆ์ อย่าให้เรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ของพระมาเป็นเรื่องใหญ่ จะต้องนำพระธรรมวินัยเป็นตัวตั้ง”
“คณะสงฆ์บางคนที่เป็นลูกศิษย์สมเด็จเกี่ยว ท่านมีพลังที่จะล้มรัฐบาลได้ อย่างนี้ก็ไม่ไหวแล้ว เพราะสะสมอำนาจ สะสมเงินทอง สะสมตำแหน่ง”
“ผอ.สำนักพุทธ ทำงานยากจริง ๆ หากเป็นคนที่มีจุดยืน แต่ถ้าขึ้นมาเพื่อเอาตัวรอด ผมว่าง่ายนะ นายสั่งมาอย่างไรก็อย่างนั้น หากนายที่เป็นรัฐบาลบอกแล้วแต่พระอย่างเดียวก็คือจบ ซึ่งคุณพงศ์พร เป็นคนที่มีจุดยืน และแข็งจึงทำงานร่วมกับคณะสงฆ์ลำบาก”
“กล่าวไว้อย่างชัดเจน คือ คณะสงฆ์ Untouchable (แตะต้องไม่ได้)”
(https://m.mgronline.com/specialscoop/detail/9600000094778)
ที่มา ๑. https://www.vihoknews.com/67432/
(ต้องการอ่านรายละเอียด ขอให้ดูในไทม์ไลน์ผมหรือกดที่ลิงค์ที่นำมาอ้าง - ที่มีสีอ่อน จะเป็นต้นฉบับ ที่เคยแชร์ไว้)
--------------------------------------------




 ขอกราบเรียนเบื้องต้นว่า ผมจะเขียนเรื่องใด ผมจะแชร์ข่าวที่เกี่ยวข้องในเพจผมก่อน… เมื่อท่านได้อ่านแล้ว มาอ่านข้อโต้แย้งของผม จะได้เข้าใจง่าย และไม่เสียเวลาในการเล่าเรื่องที่แชร์ไว้..
ตามพาดหัวข่าว และข้อความบางตอนที่นำเสนอนี้ เป็นการสัมภาษณ์ อดีต ผอ.พศ. ท่านหนึ่ง โดยนักข่าว สำนักข่าว ที่คนและพระรู้กันแล้วว่า.. มีเป้าหมายฟัดพระให้จมเขี้ยวโดยเฉพาะ .. จึงไม่เป็นเรื่องแปลก ของนักข่าวและสำนักข่าว..
แต่ที่แปลกคือ ผู้ให้ข่าว คือ อดีต ผอ.พศ. ท่านนี้ พร้อมทั้งกระทบชิ่งไปถึงอดีต ผอ.พศ. อีกท่านหนึ่ง ที่เป็นข่าวร้อนอยู่ ในขณะนี้
กะว่าจะให้เวลาทำให้ชาวพุทธทำใจร่มๆ สักพัก แล้วค่อยเขียนอธิบาย เจอเรื่องแบบนี้ คงเย็นไม่ได้แล้ว.. เพราะจะทำให้พระและชาวพุทธสับสนไปใหญ่..
เรื่องที่แปลกเรื่องแรก คือ อดีต ท่าน ผอ.พศ. ท่านนี้ ใช้วิธี “เผาบ้านคนอื่น เพื่อหาหนูที่ตนคิดว่ามีในบ้านนั้น” แทนที่จะรักษามารยาท ตามที่อธิบดีหลายๆ ท่าน ปฏิบัติกันมา เมื่อตนเองพ้นตำแหน่งไป คือ ไม่กล่าวโทษใครหรือหน่วยงานที่เคยทำงานอยู่ ในทางเสียหาย.. และผมก็ชื่นชมท่านเหล่านั้น และอดีต ท่าน ผอ.พศ. หลายท่านที่ทำเช่นนี้
ขยายความว่า.. “เผาบ้านคนอื่น เพื่อหาหนูที่ตนคิดว่ามีในบ้านนั้น”
“บ้านคนอื่น” คือ คณะสงฆ์ โดยเฉพาะคณะสงฆ์มหานิกาย..
“หนู” คือ อำนาจการย้าย ในมโนที่ตนเองคิดว่ามี..
“เป้าหมาย” คือ เสนอให้แก้ไข พรบ. คณะสงฆ์ ที่เกี่ยวกับสมณศักดิ์
สรุป คือ ต้องการเผาคณะสงฆ์มหานิกายโดยเฉพาะ..! (แม้จะไม่สมเหตุผลที่อ้างมา)
เพราะเข้าใจว่า คณะสงฆ์มหานิกายเป็นผู้สั่งการให้ย้ายท่านกลับไปที่เดิม..
ความจริงเป็นอย่างไร ผมไม่ทราบ เพราะเป็นผู้น้อย.. ได้แต่ฟังและรับทราบทำนอง “เขาว่ากันว่า..” (แต่เป็นเรื่องจริง) .. มากกว่า จะกล่าวสรุปในตอนท้ายๆ หรือตอนต่อไป.. ว่าเหตุที่แท้จริงในการย้ายคืออะไร ? แต่ขอแก้ไขตามข่าวก่อน..
ตามข่าวกล่าวไว้ว่า..
“อย่างไรก็ดีในช่วงที่ นพ.จักรธรรม จะมานั่งเป็น ผอ.พศ.นั้น ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างพระธรรมยุติกนิกายหรือพระป่า กับพระมหานิกายหรือพระเมืองอย่างรุนแรง โดยพระสายธรรมยุตมองว่า สมเด็จพระพุฒาจารย์ (เกี่ยว อุปเสโณ : สมเด็จเกี่ยว) ซึ่งเป็นสมเด็จพระราชาคณะฝ่ายมหานิกาย อดีตเจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร พยายามจะยึดอำนาจจาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 เป็นเหตุให้พระป่าต้องออกมาประท้วง ทำให้นายวิษณุ ซึ่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี ขณะนั้น เรียก นพ.จักรธรรม ซึ่งเป็นข้าราชการระดับ 10 สังกัดกระทรวงสาธารณสุข ไปพูดคุยและทาบทามให้มานั่งเป็น ผอ.พศ. เนื่องจาก นพ.จักรธรรม ยังได้ช่วยงานด้านศาสนาอยู่แล้วโดยเป็นอุปนายกพุทธสมาคมด้วย”
ความจริง
๑. เหตุการณ์นี้ มิได้เกิดเป็นข้อขัดแย้งระหว่าง พระป่า พระเมือง พระธรรมยุต หรือพระมหานิกาย แต่อย่างใด
๒. เป็นความเข้าใจผิดของ พระธรรมวิสุทธิมงคล หรือ หลวงตามหาบัว วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี ตามคำกล่าวยุยงของคนใกล้ชิดท่านคนหนึ่ง เท่านั้น ที่พุ่งเป้าไปสู่ “มหาเถรสมาคม” จุดเดียวว่า .. สมคบคิดกันยึดอำนาจ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช
ต้องกล่าวย้อนหลังไปจนถึงกลางปี ๒๕๔๔ สมัยที่ สำนักพุทธฯ ยังไม่แยกจากกรมการศาสนา.. อย่างย่อๆ พอเข้าใจ ส่วนรายละเอียดจะเขียนไว้ต่างหาก ในที่อื่น.. เพราะเป็นเรื่องสำคัญ ในประวัติศาสตร์พระพุทธศาสนา และผมอยู่ในเหตุการณ์มาโดยตลอด..
ช่วงนั้น เป็นช่วงที่คณะสงฆ์จะมีการปรับปรุง พรบ. คณะสงฆ์ ฉบับใหม่ ..
หลักการสำคัญ คือ จะให้มี “องค์กรหนึ่ง” ทำหน้าที่แทนมหาเถรสมาคม.. แล้วยกมหาเถรสมาคมเป็นผู้ควบคุมเหมือนพี่เลี้ยง และอนุมัติเรื่องสำคัญๆ มหาเถรสมาคมจะเป็นองค์กรที่ไม่ให้โทษแก่ฝ่ายใด เพราะเป็นพระมหาเถระที่มีอายุพรรษามากแล้ว
พรบ. ฉบับนี้ มหาเถรสมาคมมอบ กรรมการมหาเถรสมาคมหลายรูป นักวิชาการและนักกฎหมาย ช่วยกันยกร่างเพื่อเสนอรัฐบาล..
ขณะนั้น สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทรงประชวร เข้ารักษาที่โรงพยาบาลจุฬาฯ
ได้มีการนำเรื่องนี้ไปรายงานต่อแก่ พระธรรมวิสุทธิมงคล (หลวงตามหาบัว – ต่อไปขอกล่าวสั้นๆ ว่า หลวงตาฯ เพื่อไม่ให้ยาว) วัดป่าบ้านตาด ในทำนองว่า มหาเถรสมาคมจะแก้ไข พรบ. คณะสงฆ์ ให้มีสมเด็จพระสังฆราช ๒ พระองค์ คือ ฝ่ายมหานิกาย ๑ องค์ และฝ่ายธรรมยุต ๑ องค์ ซึ่งเป็นการแจ้งไม่ตรงกับข้อจริงให้ท่านฟัง..
หลวงตาฯ ที่ขณะนั้นกำลังรวบรวมทองคำเพื่อทอดผ้าป่าช่วยชาติ ได้ฟังแล้ว จึงได้คัดค้านและบริภาษมหาเถรสมาคมอย่างเสียหาย.. ตามสไตล์ของท่าน แต่มหาเถรสมาคมที่มีทั้งธรรมยุตและมหานิกายก็ไม่ถือท่าน เพราะหลวงตาฯ ท่านมีอายุและพรรษามาก จึงไม่ติดใจเอาความแต่อย่างไร.. จึงไม่มีเหตุการณ์ใดๆ เกิดขึ้น
ในช่วงนี้เอง “นายสุวรรณไม่เป็นแผ่น” ลูกศิษย์คนโปรดในขณะนั้น ได้ทำการรวมชาวบ้านได้ส่วนหนึ่ง มาประท้วง พรบ. ฉบับนี้ ที่กรมการศาสนา ในกระทรวงศึกษาธิการ หลายครั้ง.. จนเป็นเรื่องปกติ (ต่อมา ทราบว่า ได้ถูกเขี่ยออกไปจากวัดป่าบ้านตาด และไม่ทราบความเป็นไปอีก)
จนกระทั่ง ๑ ตุลาคม ๒๕๔๕ ได้มีการแยกสำนักพุทธฯ ออกกรมการศาสนา ปฏิบัติหน้าที่เฉพาะที่เกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ส่วนกรมการศาสนาได้ไปสังกัดกระทรวงวัฒนธรรม แต่ก็ยังรวมปฏิบัติงานกันที่อาคารเดิม (กรมการศาสนาเดิม)
ในสมัย พลตำรวจโท อุดม เจริญ เป็น ผอ.พศ. คนที่ ๒ ต่อจากท่าน สุทธิวงศ์ ตันตยาพิศาลสุทธิ์ ผอ.พศ. คนแรก
วันหนึ่ง ขณะมีการประชุมมหาเถรสมาคม ที่ตำหนักเพ็ชร วัดบวรนิเวศวิหาร มีพระเดินถือซองจดหมายมาให้ท่าน พลตำรวจโท อุดม เจริญ พอท่านอ่านเสร็จ จึงเข้าไปหารือเป็นการส่วนตัวกับกรรมการมหาเถรสมาคมฝ่ายธรรมยุต และกรรมการรูปนั้นก็นำจดหมายไป
ทราบภายหลังว่า เป็นจดหมายเสนอแต่งตั้ง พระราชาคณะชั้นราช รูปหนึ่ง เป็นกรรมการมหาเถรสมาคม.. ลายพระหัตถ์ที่ลงนามในจดหมาย คือ สมเด็จพระญาณสังวร ซึ่งเป็นเรื่องผิดปกติของการแต่งตั้งกรรมการมหาเถรสมาคม เพราะจารีตคือ จะตั้งพระราชาคณะชั้นธรรมขึ้นไปเท่านั้นเป็นกรรมการมหาเถรสมาคมโดยแต่งตั้ง..
เรื่องจึงแดง.. เป็นประเด็น.. และนำไปสู่การตรวจสอบพระลิขิตที่มีการปลอมลายพระหัตถ์ สมเด็จพระสังฆราช ขึ้น หลายกรณี เกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ตามที่เคยเป็นข่าวดัง ณ ขณะนั้น รวมไปถึงเรื่องพระลิขิต ที่นำมากล่าวหามหาเถรสมาคม ที่ผมอธิบายไปแล้ว คงไม่ขอกล่าวถึง..
เมื่อเป็นเช่นนี้ ทำให้ ผอ.พศ. และมหาเถรสมาคม ได้ปรึกษากับ ท่านรองฯ วิษณุ เครืองาม ซึ่งคุมสำนักพุทธฯ อยู่ในขณะนั้น
เพื่อเป็นการป้องกัน พระเกียรติของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ไม่ให้เสื่อมเสียไปมากกกว่านี้ ท่านรองฯ วิษณุ เครืองาม จึงได้ใช้ พรบ.คณะสงฆ์ มาตรา ๑๐ วรรค ๓ และ ๔ ซึ่งสรุปว่า เมื่อสมเด็จพระสังฆราช ไม่อยู่ในราชอาณาจักร หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ และมิได้ทรงแต่งตั้งสมเด็จพระราชาคณะรูปใดปฏิบัติหน้าที่แทน ให้สมเด็จพระราชาคณะรูปที่มีอาวุโสโดยสมณศักดิ์รองลงไป ปฏิบัติหน้าที่แทน ซึ่งสมเด็จพระราชาคณะที่มีอาวุโสรองลงไป คือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ
ท่านรองฯ วิษณุ เครืองาม จึงได้นำรายนาม สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เป็น ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตามมาตรา ๑๐ วรรค ๕ (กรณีนี้ ต่อมา ได้ใช้อีกครั้ง เมื่อสมเด็จพระญาณสังวรสิ้นพระชนม์ รัฐมนตรีที่นายกรัฐมนตรีมอบหมายให้คุมสำนักพุทธฯ ได้ประกาศรายชื่อ สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ วัดปากน้ำ เป็น ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช ซึ่งไม่มีปัญหาใดๆ)
การประกาศนี้เอง “นายสุวรรณไม่เป็นแผ่น” เจ้าเดิม ได้นำไปรายงานหลวงตาฯ ให้เกิดความเข้าใจผิดว่า มีการแต่งตั้งสมเด็จพระสังฆราชใหม่ แทน สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช ทำให้หลวงตาฯ ท่านเข้าใจผิดไปใหญ่ เลยเอ่ยอวยชัยให้ ทั้ง มหาเถรสมาคม และท่านรองฯ วิษณุ เครืองาม โดยเฉพาะ ท่านรองฯ วิษณุ เครืองาม ถึงกับมีการล่ารายชื่อเพื่อถอดถอนจากตำแหน่งด้วย ต่อมา ทราบว่า เรื่องเงียบไป..
แต่ในส่วนของมหาเถรสมาคม ในวันที่ประชุมมหาเถรสมาคม “นายสุวรรณไม่เป็นแผ่น” ได้รวบรวมคนมาจำนวนหนึ่ง มาประท้วง ด่าทอ ที่ตำหนักเพ็ชร และบริเวณรอบวัดบวรนิเวศวิหาร..
ในการประชุมครั้งต่อมา ท่าน พล ต.ท. อุดม เจริญ จึงได้ย้ายที่ประชุมมหาเถรสมาคมจากตำหนักเพ็ชร มาประชุมที่ห้องประชุม สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ ในอาคารหอสมุดพระพุทธศาสนามหาสิรินาถ (หลังคาสีฟ้า) ซึ่งก่อนหน้านั้น ท่านได้ย้ายสำนักพุทธฯ มาตั้งเป็นที่ทำการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเรียบร้อยแล้ว
ในช่วงแรก “นายสุวรรณไม่เป็นแผ่น” ก็ได้พาพรรคพวกมาประท้วงที่สำนักพุทธฯ แต่ก็ไม่สะดวก เพราะเป็นสถานที่ราชการ และเป็นพื้นที่ปิด (มีทางเข้าออกเฉพาะ) รวมทั้งมีของที่ระลึกติดไปบ้าง จึงเงียบไป..
ในช่วงนี้ ท่านรองฯ วิษณุ เครืองาม และท่าน ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ได้เสนอให้ใช้พระราชกำหนด แก้ไข มาตรา ๑๐ วรรค ๕ แห่ง พรบ.คณะสงฆ์ สรุปว่า มหาเถรสมาคมจะเลือก ผู้ปฏิบัติหน้าที่แทนสมเด็จพระสังฆราช รูปเดียว หรือหลายรูปเป็น “คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช” ก็ได้ มหาเถรสมาคมจึงได้เลือก คณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช โดยให้ สมเด็จพระราชาคณะทุกรูป (ยกเว้นรูปที่อาพาธ) เป็นคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และให้ สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ เป็น ประธานคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช และลงนามแทนในพระบัญชา เมื่อลงนามแล้ว จะต้องนำไปประทับตราที่ รพ. จุฬาฯ จึงจะสมบูรณ์
ดังนั้น จึงไม่ใช่เป็นการตั้ง สมเด็จพระสังฆราชใหม่ และไม่ใช่แย่งตำแหน่ง สมเด็จพระสังฆราช จาก สมเด็จพระญาณสังวร ตามที่เป็นข่าว.. เพราะพระมหากษัตริย์เป็นผู้สถาปนาสมเด็จพระสังฆราช ไม่ใช่อำนาจของใครคนใดคนหนึ่ง.. ที่จะแต่งตั้งได้
ท่าน พล ต.ท. อุดม เจริญ เกษียณอายุราชการ และมหาเถรสมาคมยังให้เกียรติท่านเป็นที่ปรึกษามหาเถรสมาคมมาจนถึงปัจจุบัน
ผอ.พศ. ท่านต่อมา คือ นพ. จักรธรรม ธรรมศักดิ์ ที่ให้สัมภาษณ์นักข่าว ๒ - ๓ สำนัก ตามที่อ้างไว้ข้างต้น..
ท่านพอจะมองออกแล้วว่า
๑. การอ้างว่า ไปกราบ พระธรรมวิสุทธิมงคล ตามปกติของตระกูลท่าน ที่นับถือ หากท่านเป็นมหาเถรสมาคมท่านจะไว้ได้หรือไม่ ในเมื่อหลวงตาฯ ท่านแสดงเจตนาเด่นชัดแล้วว่า อยู่ตรงข้ามกับมหาเถรสมาคม.. แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญอะไร มหาเถรสมาคมก็เฉยๆ
๒. ประเด็นที่ท่านกล่าว ที่ยกมาข้างต้นทั้งหมดคือ..
“#อิทธิพลมหานิกาย !! ลูกองคมนตรีก็เจอมาแล้ว จากฝีมือวิษณุ”
“แฉ.. มาเฟียมหานิกาย แสดงอำนาจเถื่อน เขี่ย พ.ต.อ. พงศ์พร...”

https://www.vihoknews.com/67432/(16 September 2017)----------------------------

อดีต ผอ.พศ. บอกพระผู้ใหญ่ Untouchable สะสม “อำนาจ-เงิน” ล้มรัฐบาลได้!
เผยแพร่: 16 ก.ย. 2560 00:40:00 โดย: MGR Online
“ต้องแก้ พรบ. คณะสงฆ์ อย่าให้เรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ของพระมาเป็นเรื่องใหญ่ จะต้องนำพระธรรมวินัยเป็นตัวตั้ง”
“คณะสงฆ์บางคนที่เป็นลูกศิษย์สมเด็จเกี่ยว ท่านมีพลังที่จะล้มรัฐบาลได้ อย่างนี้ก็ไม่ไหวแล้ว เพราะสะสมอำนาจ สะสมเงินทอง สะสมตำแหน่ง”
“ผอ.สำนักพุทธ ทำงานยากจริง ๆ หากเป็นคนที่มีจุดยืน แต่ถ้าขึ้นมาเพื่อเอาตัวรอด ผมว่าง่ายนะ นายสั่งมาอย่างไรก็อย่างนั้น หากนายที่เป็นรัฐบาลบอกแล้วแต่พระอย่างเดียวก็คือจบ ซึ่งคุณพงศ์พร เป็นคนที่มีจุดยืน และแข็งจึงทำงานร่วมกับคณะสงฆ์ลำบาก”
“กล่าวไว้อย่างชัดเจน คือ คณะสงฆ์ Untouchable (แตะต้องไม่ได้)”
--------------------------------------





ขอเรียนว่า ท่านถวายเกียรติคณะสงฆ์มหานิกายผิดยุค.. ผิดสมัย แน่ๆ..
-การย้ายข้าราชการเป็นเรื่องของฝ่ายบ้านเมือง ไม่ใช่เรื่องของพระ คณะสงฆ์จึงมีประกาศห้ามพระเณรเกี่ยวข้องกับการเมืองและการโยกย้ายข้าราชการ ตั้งแต่ปี ๒๔๗๖ ท่านไม่ได้ศึกษาดูเลยหรือ..
-ลูกศิษย์ เจ้าประคุณ สมเด็จพระพุฒาจารย์ วัดสระเกศ รวมทั้งพระสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย (และฝ่ายธรรมยุต) ทั่วประเทศ ท่านไม่มีอำนาจพอในการล้มล้างรัฐบาลได้ ขนาดทหารจะปฏิวัติ ก็ต้องใช้อาวุธ พระมีสิ่งติดติดตัวคือบาตร.. จะให้พระมหานิกายปฏิวัติด้วยบาตรหรือ..
-พระสงฆ์ฝ่ายมหานิกาย ไม่มีอำนาจใดๆ ทางการปกครองคณะสงฆ์ มาตั้งแต่ปี ๒๕๑๗ ดังนั้น สภาพของท่าน คือ “เป็นผู้ตาม” มาจนชิน.. แม้จะมีพระเถระที่เก่งๆ หลายรูป แต่ก็ไม่สามารถรวมตัวกันได้ จึงเป็นจุดบอดของท่าน จึงไม่มีทางที่จะล้มล้างรัฐบาลได้ ตามที่ท่านกล่าวหา รวมทั้งกรณีของ การย้าย พ.ต.อ. พงศ์พร ด้วย.. เพราะอำนาจทางคณะสงฆ์ ไม่ได้อยู่ที่คณะสงฆ์มหานิกาย การระบุถึงขั้นเป็น “มาเฟียมหานิกาย” จึงไม่ควรใช้กับท่าน..
-การเป็น ผอ.พศ. ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะต้องมีนาย ๒ ฝ่าย คือ ฝ่ายบ้านเมือง และฝ่ายพระ คนที่มีอุดมการณ์ที่จะทำนุบำรุง ส่งเสริมพระพุทธศาสนา สนองงานพระและรัฐบาล ประสานงานได้ เท่านั้น จึงจะอยู่ พศ. ได้ ก็ถูกต้อง ใครทำไม่ได้ก็ต้องย้ายออกไป เป็นเรื่องปกติของราชการระดับผู้บริหาร และไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคนถือแก้วเปล่ามา ถ้าท่านถือแก้วเต็มน้ำมา ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน.. !
-อดีตอธิบดี รองอธิบดี ผอ.พศ. รอง ผอ.พศ. ที่สนองงานคณะสงฆ์ จนเกษียณอายุราชการ ก็มีมากมาย จนจำไม่หมด แต่ก็มีหลายท่านที่ถูกย้ายไปรับตำแหน่งที่ดีกว่าบ้าง ต่ำกว่าบ้าง มันเป็นเรื่องส่วนตัวแต่ละคน ไม่ใช่มาเหมาเอาว่า เป็นเพราะพระไม่ชอบ..
-เพราะการแต่งตั้งใครมาเป็นอธิบดีกรมการศาสนา เมื่อก่อน หรือ ผอ.พศ. ในปัจจุบัน พระก็ไม่มีสิทธิ์เลือกมาเลยสักคน เป็นคำสั่งมาจากรัฐบาลทั้งหมด เมื่อรัฐบาลเห็นว่า ทำงานกับพระได้ก็ปล่อยไป เมื่อเห็นว่า ทำงานไปด้วยกันไม่ได้ รัฐบาลจะย้ายพระได้ไหม ? ก็ต้องย้ายคนที่รัฐบาลแต่งตั้งมาออกไปทำหน้าที่อื่น และหาคนที่เหมาะสมมาแทน
มันเป็นอย่างนี้ มาทุกยุคทุกสมัย ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาล แล้วจะมาหาเรื่องอะไรกับพระอีก..!
มหาเถรสมาคมก็มีมติเป็นเอกฉันท์แล้วว่า จะไม่ขอแก้ไข พรบ. คณะสงฆ์ ฉบับปัจจุบัน ในส่วนที่ท่านดูแลอยู่.. ส่วนอื่นที่ไม่ใช่อำนาจท่าน ท่านก็วางเฉย จะให้ท่านทำอะไรอีก..!
ขาดตกบกพร่องตรงไหน ช่วยเติมด้วย เพราะอาจจำคลาดเคลื่อน..
(ร่ายยาวเกินไป ขอต่อในภาค ๒ พร้อมวิเคราะห์การย้าย ผอ.พศ. และเรื่องคณะสงฆ์)

ไม่มีความคิดเห็น