พระเพลิง
“พระเพลิง” “หลวงพี่ครับ เห็นควันไฟที่ภูเขา ฝั่งทิศตะวันตกครับ” เสียงตะโกนเรียกจากเจ้าหน้าที่แผนกสวนป่า ดังลั่นกุฏิ
“ไปเตรียมอุปกรณ์ เอาขึ้นรถไว้ เดี๋ยวหลวงพี่ตามสามเณรก่อน” ปากก็สั่งงานไป แต่ในใจก็เต้นระส่ำ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้
“ไปเตรียมอุปกรณ์ เอาขึ้นรถไว้ เดี๋ยวหลวงพี่ตามสามเณรก่อน” ปากก็สั่งงานไป แต่ในใจก็เต้นระส่ำ ในที่สุดวันนี้ก็มาถึงจนได้
ช่วงนั้นเป็นเวลาเพลพอดี พระ เณร กำลังจะเริ่มฉันภัตตาหาร แต่ไฟไหม้เป็นเหตุด่วนที่รอไม่ได้ เพราะยิ่งไปถึงจุดที่ไฟเริ่มไหม้ช้าเท่าไหร่ ไฟก็จะขยายกว้างขึ้นเท่านั้น จึงบอกกับทุกรูปว่า “ไปช่วยดับไฟกันก่อน เดี๋ยวจะให้โยมห่อข้าวไปส่ง” ทั้งหมดก็รีบลุกจากวงฉัน กลับไปที่กุฏิ เพื่อเปลี่ยนเครื่องนุ่งห่มให้เหมาะสม ไม่รุ่มร่าม เตรียมอุปกรณ์ตามที่ได้เคยซักซ้อมกันเอาไว้
เมื่อทุกอย่างพร้อม ทั้งหมดก็ขึ้นรถมุ่งไปยังจุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ ๑ ก.ม. แต่ถึงจะทำเวลาได้เร็ว ก็ยังช้ากว่าไฟ
เมื่อไปถึงก็ไฟลามเป็นวงกว้างแล้ว บวกกับกระแสลมที่แรง ยิ่งส่งให้ลุกโหมมากยิ่งขึ้น จึงบอกกับทั้งหมดว่า
“อย่าเพิ่งขึ้นไป รอให้ลมสงบกว่านี้ก่อน” จังหวะพอดีที่ทางครัวเอาอาหารมาส่ง ก็เลยให้ฉันเพลกันก่อน เพราะยังไม่รู้ว่าศึกนี้จะยืดเยื้อยาวนานไปอีกกี่ชั่วโมง หลังจากฉันเสร็จแล้ว ลมก็เริ่มสงบ จึงบอกให้ทีมแรกที่มีถังฉีดน้ำ นำขึ้นไปก่อน พร้อมกับสั่งกำชับว่า
เมื่อไปถึงก็ไฟลามเป็นวงกว้างแล้ว บวกกับกระแสลมที่แรง ยิ่งส่งให้ลุกโหมมากยิ่งขึ้น จึงบอกกับทั้งหมดว่า
“อย่าเพิ่งขึ้นไป รอให้ลมสงบกว่านี้ก่อน” จังหวะพอดีที่ทางครัวเอาอาหารมาส่ง ก็เลยให้ฉันเพลกันก่อน เพราะยังไม่รู้ว่าศึกนี้จะยืดเยื้อยาวนานไปอีกกี่ชั่วโมง หลังจากฉันเสร็จแล้ว ลมก็เริ่มสงบ จึงบอกให้ทีมแรกที่มีถังฉีดน้ำ นำขึ้นไปก่อน พร้อมกับสั่งกำชับว่า
“อย่าเข้าไปใกล้ไฟนักนะ ให้นึกถึงความปลอดภัยเป็นอันดับแรก แล้วก็อย่าแยกตัวออกไปตามลำพัง”
พื้นที่บนเขาส่วนใหญ่เป็นหญ้าแห้ง ติดไฟได้ง่าย เวลาผ่านไปจนถึงเวลาเย็น ก็เริ่มควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ แต่ก็เหลือพื้นที่ที่ไม่โดนเผาไม่ถึง ๒๐ % ที่เล่ามาข้างต้น เป็น “ยุทธการดับไฟป่า” ในปีแรก ซึ่งผลก็คือ ”ล้มเหลว”
แต่มีสิ่งสำคัญที่ได้จากเหตุการณ์นี้ คือ “ประสบการณ์อันมีค่า ที่ได้นำมาถอดเป็นบทเรียน”
ทำให้ปีต่อมา มีการวางแผนที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ สู้กันอย่างนี้มาสิบกว่าปี มี แพ้ มี ชนะ ไฟมาก็ไปดับ ต้นไม้ตาย ก็ปลูกใหม่ คิดอย่างเดียวว่า “ภูเขามันลูกเท่าเดิม ไม่ได้ขยายใหญ่ขึ้น ถ้าสู้ไม่ถอย วันหนึ่งเราก็ต้องชนะ”
ทำให้ปีต่อมา มีการวางแผนที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ สู้กันอย่างนี้มาสิบกว่าปี มี แพ้ มี ชนะ ไฟมาก็ไปดับ ต้นไม้ตาย ก็ปลูกใหม่ คิดอย่างเดียวว่า “ภูเขามันลูกเท่าเดิม ไม่ได้ขยายใหญ่ขึ้น ถ้าสู้ไม่ถอย วันหนึ่งเราก็ต้องชนะ”
ปัจจุบัน มีป่าไม้ปกคลุมมากกว่า ๘๐ % ของพื้นที่ภูเขาแล้ว นำมาซึ่งความชุ่มชื้น เขียวชอุ่ม เป็นที่อาศัยของสรรพชีวิต ไก่ป่าที่เคยถูกล่าจนเกือบหมด ก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้น นกสารพัดชนิดมาปักหลักสร้างรัง เห็นแล้วก็ชื่นใจ เรี่ยวแรง กำลังของผู้คนมากมายที่ได้ทุ่มเทลงไป ไม่เสียเปล่า ก่อให้เกิดประโยชน์ ทั้งต่อตัวเรา ต่อโลก และพระศาสนา ปรากฏต่อสายตา ทั้งของหยาบที่เห็นด้วยตา
ทั้งของละเอียด (บุญ) ที่สัมผัสได้ด้วยใจ
ขออนุโมทนาบุญกับนักรบแห่ง “ยุทธการดับไฟป่า เขาแก้วเสด็จ” ทุกท่าน ตั้งแต่อดีต - ปัจจุบัน
ทั้งของละเอียด (บุญ) ที่สัมผัสได้ด้วยใจ
ขออนุโมทนาบุญกับนักรบแห่ง “ยุทธการดับไฟป่า เขาแก้วเสด็จ” ทุกท่าน ตั้งแต่อดีต - ปัจจุบัน
ไม่มีความคิดเห็น