วัดป่าสร้างวัดรุกที่เขตป่าสงวน โดยมีกรมศาสนา และกรมที่ดินอนุญาตให้ทำได้ ส่วนกรมป่าไม้ไม่ทราบเรื่องด้วย เมื่อประชาชนรับรู้ข่าวสารแบบนี้ก็แปลว่า วัดกับกรมศาสนาและกรมที่ดินตกเป็นจำเลยร่วมกัน
ในฐานะผู้ทำผิดกฎหมายป่าสงวนของกรมป่าไม้ เราจะเห็นว่า ปัญหาเกิดจากการใช้กฎหมายระหว่าง
ในฐานะผู้ทำผิดกฎหมายป่าสงวนของกรมป่าไม้ เราจะเห็นว่า ปัญหาเกิดจากการใช้กฎหมายระหว่าง
กรมศาสนา กรมที่ดิน กรมป่าไม้ขาดการประสานงานกัน แต่ความเดือดร้อนมาตกแก่พระสงฆ์และประชาชน รัฐเป็นผู้ออกกฎหมายฉบับใหม่ ถมทับซับซ้อนกับกฎหมายฉบับเก่า จึงส่งผลให้เกิดปัญหาหลายอย่างตามมา
1. กฎหมายของแต่ละกระทรวง ทบวง กรม เกิดปัญหาลักลั่นย้อนแย้งกันเอง โดยที่รัฐเองก็ไม่รู้ปัญหาภาพรวมของกฎหมาย
2. เจ้าหน้าที่รัฐรู้แต่กฎหมายเฉพาะกรมที่สังกัด ไม่รู้กฎหมายคาบเกี่ยวระหว่างกระทรวง ทบวง กรม
3. เจ้าหน้าที่รัฐคนละสังกัดต่างใช้กฎหมายขัดแย้งกันเอง มานานหลายสิบปีโดยไม่มีใครรู้จนกว่าจะเกิดปัญหาคาบเกี่ยวกัน
4. เมื่อเป็นคดีความขึ้นมา พระสงฆ์กับประชาชนเป็นผู้รับเคราะห์ ทั้งที่เป็นผู้ทำตามระเบียบที่เจ้าหน้าที่รัฐให้คำแนะนำ
5. เมื่อเกิดปัญหาทำถูกระเบียบที่หนึ่ง แต่ทำผิดระเบียบอีกที่หนึ่ง (ตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่รัฐ)
ถึงคราวศาลตัดสินลงโทษขึ้นมา พระกับประชาชนรับเคราะห์ไป ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐถูกกันไว้เป็นพยาน
รอดพ้นความผิดไปโดยกฎหมายคุ้มครอง
ถึงคราวศาลตัดสินลงโทษขึ้นมา พระกับประชาชนรับเคราะห์ไป ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐถูกกันไว้เป็นพยาน
รอดพ้นความผิดไปโดยกฎหมายคุ้มครอง
ลองคิดดูว่าขนาดสถานการณ์ปัจจุบัน
ใช้แค่กฎหมายป่าสงวน ยังไม่ใช้มาตรา 31 ใน รธน. ใหม่ วัดป่าต่างๆ ยังเดือดร้อนลำบากขนาดนี้
โดนรื้อโดนทุบโดยปราศจากการปกป้องจากชุมชนรอบวัด การช่วยเหลือจากกรมศาสนาและกรมที่ดิน
ถ้าหากบังคับใช้ ม.31 ขึ้นมาจริงๆ เมื่อไหร่ อนาคตพระพุทธศาสนาและศาสนาต่างๆ จะเป็นอย่างไร
วัดใดไม่มีชุมชนรอบวัดให้การปกป้อง ก็ถูกทุบตายสถานเดียว อย่าว่าแต่วัดในป่าไม่ได้รับการปกป้องเลย
แม้แต่วัดกลางกรุงเทพฯ ก็ยังโดนทุบศาลาทิ้งมาแล้ว เหตุการณ์เหล่านี้จึงมีข้อเตือนใจว่า ในเมื่อรัฐเป็นผู้บัญญัติเนื้อหากฎหมายเอง การบังคับใช้ก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเอง แต่ทำไมเมื่อเกิดปัญหาเนื้อหากฎหมายย้อนแย้งกันเอง ความผิดถึงได้มาตกอยู่ที่พระสงฆ์กับประชาชน โดยที่รัฐไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ เลย
Cr : Ptt Cnkr
แม้แต่วัดกลางกรุงเทพฯ ก็ยังโดนทุบศาลาทิ้งมาแล้ว เหตุการณ์เหล่านี้จึงมีข้อเตือนใจว่า ในเมื่อรัฐเป็นผู้บัญญัติเนื้อหากฎหมายเอง การบังคับใช้ก็เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐเอง แต่ทำไมเมื่อเกิดปัญหาเนื้อหากฎหมายย้อนแย้งกันเอง ความผิดถึงได้มาตกอยู่ที่พระสงฆ์กับประชาชน โดยที่รัฐไม่ต้องรับผิดชอบใดๆ เลย
Cr : Ptt Cnkr
ไม่มีความคิดเห็น