ขุดหลุมดักไว้ ไล่ต้อนคนให้ตกหลุม ใครตกหลุมก็มีความผิด ใครไม่ตกหลุมก็มีความผิด
(ไม่มีความผิดก็มีข้อหา ไปหาทางพิสูจน์เองบนศาล)
เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน ที่รัฐสภา นายบวรเวท รุ่งรุจี ผู้ช่วยโฆษกคณะกรรมการธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกีฬา ศิลปะ วัฒนธรรม การศาสนา คุณธรรม และจริยธรรม สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) แถลงว่า ที่ประชุม กมธ.เห็นชอบ รายงานเรื่อง การพัฒนาระบบการบริหารทรัพย์สินของวัดให้เป็นไปตามมาตรฐานตามข้อเสนอของคณะอนุกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านวัฒนธรรม เพื่อบริหารจัดการทรัพย์สินของวัดให้ถูกต้องตามกฎหมาย โปร่งใส และตรวจสอบได้ โดยมีข้อเสนอให้วัดจัดทำบัญชีทรัพย์สินตามเกณฑ์มาตรฐาน ครอบคลุมทรัพย์สินของวัดทั้งหมด ตลอดจนโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ศาสนวัตถุ โดยให้มหาเถระสมาคม (มส.) หรือสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กำหนดหลักเกณฑ์
และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับวิธีการบริหารจัดทรัพย์สินของวัดทั่วประเทศ 37,000 แห่ง ทั่วประเทศ และรูปแบบวิธีการจัดทำบัญชีทรัพย์สินของวัดที่เป็นอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนติดตามตรวจสอบการจัดทำบัญชีทรัพย์สินของวัด และรายงานผลการตรวจสอบ ทั้งนี้ให้ พศ.นำเสนอ มส.ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องอาทิ พ.ร.บ.สงฆ์ พ.ศ.2505 และกฎกระทรวงปี 2511 กฎมหาเถรสมาคม ระเบียบ คำสั่งต่างๆ ให้ทันสมัยบังคับใช้ได้จริง อาทิ การกำหนดให้สำนักงานพระพุทธศาสนามีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินวัด และรายงานผลการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคม นายกรัฐมนตรี และสาธารณชนรับทราบ หากการตรวจสอบพบว่า มีความไม่โปร่งใสให้ดำเนินการตามกฎหมายได้ จากเดิมที่เพียงให้วัดแค่ส่งบัญชีทรัพย์สินมาให้สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติเก็บไว้เท่านั้น แต่ไม่เคยตรวจสอบ และไม่เคยมีบทลงโทษในเรื่องดังกล่าว
นายบวรเวทกล่าวว่า จะนำข้อเสนอของ กมธ. ไปเสนอต่อ ครม.สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อไปดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ จากการตรวจสอบรายได้วัดทั่วประเทศเป็นกลุ่มๆ เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบพบว่า มี 92 วัด มีรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 20-30 ล้านบาท อย่างไรก็ตามยังกังวลว่า จะได้รับความร่วมมือจากวัดในการตรวจสอบทรัพย์สินหรือไม่ เพราะยังไม่ได้หารือกับวัดถึงหลักเกณฑ์เหล่านี้ เพียงแต่เชิญฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลความเห็นเท่านั้น
และแนวปฏิบัติเกี่ยวกับวิธีการบริหารจัดทรัพย์สินของวัดทั่วประเทศ 37,000 แห่ง ทั่วประเทศ และรูปแบบวิธีการจัดทำบัญชีทรัพย์สินของวัดที่เป็นอสังหาริมทรัพย์และสังหาริมทรัพย์ ตลอดจนติดตามตรวจสอบการจัดทำบัญชีทรัพย์สินของวัด และรายงานผลการตรวจสอบ ทั้งนี้ให้ พศ.นำเสนอ มส.ปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องอาทิ พ.ร.บ.สงฆ์ พ.ศ.2505 และกฎกระทรวงปี 2511 กฎมหาเถรสมาคม ระเบียบ คำสั่งต่างๆ ให้ทันสมัยบังคับใช้ได้จริง อาทิ การกำหนดให้สำนักงานพระพุทธศาสนามีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินวัด และรายงานผลการตรวจสอบให้มหาเถรสมาคม นายกรัฐมนตรี และสาธารณชนรับทราบ หากการตรวจสอบพบว่า มีความไม่โปร่งใสให้ดำเนินการตามกฎหมายได้ จากเดิมที่เพียงให้วัดแค่ส่งบัญชีทรัพย์สินมาให้สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติเก็บไว้เท่านั้น แต่ไม่เคยตรวจสอบ และไม่เคยมีบทลงโทษในเรื่องดังกล่าว
นายบวรเวทกล่าวว่า จะนำข้อเสนอของ กมธ. ไปเสนอต่อ ครม.สำนักพุทธศาสนาแห่งชาติ เพื่อไปดำเนินการต่อไป ทั้งนี้ จากการตรวจสอบรายได้วัดทั่วประเทศเป็นกลุ่มๆ เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบพบว่า มี 92 วัด มีรายได้ต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 20-30 ล้านบาท อย่างไรก็ตามยังกังวลว่า จะได้รับความร่วมมือจากวัดในการตรวจสอบทรัพย์สินหรือไม่ เพราะยังไม่ได้หารือกับวัดถึงหลักเกณฑ์เหล่านี้ เพียงแต่เชิญฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลความเห็นเท่านั้น
ไม่มีความคิดเห็น