ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

เสนอรัฐตั้งกรรมการเฉพาะกิจหาทางออกเงินทอนวัด

เสนอรัฐตั้งกรรมการเฉพาะกิจหาทางออกเงินทอนวัด  
สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย เตรียมยื่นหนังสือถึงรัฐบาล เสนอตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจหาทางออกเงินทอนวัด พร้อมเสนอให้พระผู้ใหญ่ทั้งหมดควรได้รับการประกันตัวหาหลักฐานมาต่อสู้คดี...


วันนี้(14 มิ.ย.) นายกรณ์ มีดี เลขาธิการสมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย กล่าวว่า  ในสัปดาห์หน้าทางสมาพันธ์ฯ จะไปยื่นหนังสือเสนอแนวทางแก้ไข และทางออกกรณีเงินทอนวัด ต่อรัฐบาล โดยอยู่ระหว่างการประสานงานไปยังนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อขอเสนอให้ตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจ 1 ชุด ตรวจสอบระบบการจ่ายเงินของพศ. และระบบการใช้เงินหลังจากที่วัดได้รับงบฯต่างๆ สืบสวน สอบสวน เพื่อหาข้อเท็จจริงกรณีการทุจริต ให้มีอำนาจนิมนต์ เชิญ พระและเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาสืบสวน สอบสวน หาข้อเท็จจริง สรุปข้อมูล นำเสนอต่อรัฐบาล โดยคณะกรรมการชุดนี้ต้องประกอบด้วยตัวแทนรัฐบาล ตัวแทนมส. ตัวแทนพศ. ตัวแทนมหาวิทยาลัยสงฆ์ทั้ง 2 แห่ง ตัวแทนปปช. ตัวแทนปปง. ตัวแทนตำรวจ ตัวแทนองค์กรพุทธที่เห็นต่างทั้ง 2 ฝ่าย และผู้ทรงคุณวุฒิอีกจำนวนหนึ่ง และรัฐบาลเสนอศาลให้ประกันตัวพระผู้ใหญ่ทั้งหมด เพื่อให้ท่านได้หาหลักฐานมาต่อสู้ทางคดี และในเบื้องต้นต้องยอมรับการกลับมานุ่งห่มจีวร ด้วยเหตุที่พระผู้ใหญ่ทุกองค์ไม่ได้เปล่งวาจาลาสิกขา เพราะศาลยังไม่ได้ติดสินว่าท่านผิดแต่ประการใด

นายกรณ์  กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ในข้อหาฟอกเงินของอดีตพระผู้ใหญ่ในมส.นั้น  ในส่วนวัดสามพระยาจากข้อมูลที่สอบถามมา พระพรหมดิลก จะสร้างอาคารเพื่อเป็นสถานที่เรียนบาลี นักธรรม ตั้งงบฯก่อสร้าง 30 ล้านบาท จึงได้ของบฯกับพศ. เจ้าหน้าที่พศ.โยกงบฯจากงบฯปริยัติสามัญมาให้ 5 ล้านบาท แต่ระหว่างที่ยังไม่ได้รับเงิน อดีตพระพรหมดิลก ก็ก่อสร้างโดยอาศัยเงินบริจาค และเงินของวัด แต่เพราะทราบว่าจะได้รับเงินจากพศ. 5 ล้านบาท จึงยืมเงินจำนวนหนึ่งกับคนที่รู้จัก เพื่อไม่ให้การก่อสร้างสะดุด และเมื่อเงินจากพศ.ถูกโอนเข้ามาบัญชีท่านจึงถอนไปใช้หนี้ โดยที่ไม่ได้ทำเอกสารหลักฐานทั้งการกู้ยืม และการคืนเงินที่กู้ยืมมาแต่ประการใด ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่พระทำกันมาจนเป็นประเพณีนิยม  ดังนั้นหลังจากที่มีการโอนเงินมาจากพศ.จึงมีแค่การโอนเงินไปคืนเจ้าหนี้เท่านั้น จนเกิดทำให้เข้าใจว่าฟอกเงิน ส่วนวัดสระเกศ จากข้อมูลที่สอบถามมา มส. มีมติให้วัดสระเกศ รับผิดชอบจัดงานวันวิสาขบูชาที่สนามหลวง เจ้าอาวาสในขณะนั้น ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว) หรือพระพรหมสุธี (เจ้าคุณเสนาะ)  จึงทำเรื่องของบฯ พศ.ก็แจ้งว่าจะทำเรื่องให้ แต่งบฯได้ไม่ทัน ขอให้วัดสระเกศสำรองเงินไปก่อน หลังจากเงินโอนเข้ามาแล้วก็ถือว่าใช้คืนเงินที่สำรองจ่ายไปนั้น เจ้าอาวาสวัดสระเกศ จึงใช้เงินของวัดจัดงานล่วงหน้า จนกระทั่งเงินที่ขอพศ. ถูกโอนเข้ามา ท่านจึงเข้าใจว่า เป็นการใช้เงินคืนที่สำรองจ่ายไป ไม่ได้ทำเอกสารการใช้หนี้ที่สำรองจ่ายไปล่วงหน้า ไม่ได้ทำเอกสารหลักฐาน วันเวลาผ่านไป พระพรหมสิทธิ ก็ว่าจ้างทำโฆษณาต่างๆ และได้ทำการจ่ายเงินค่าโฆษณาดังกล่าว จนเกิดความเข้าใจผิดว่าฟอกเงิน....

ขอบคุณ : www.dailynews.co.th/education

ไม่มีความคิดเห็น