เสนอรัฐตั้งกรรมการเฉพาะกิจหาทางออกเงินทอนวัด
สมาพันธ์ชาวพุทธแห่งประเทศไทย เตรียมยื่นหนังสือถึงรัฐบาล เสนอตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจหาทางออกเงินทอนวัด พร้อมเสนอให้พระผู้ใหญ่ทั้งหมดควรได้รับการประกันตัวหาหลักฐานมาต่อสู้คดี...นายกรณ์ กล่าวต่อไปว่า ทั้งนี้ในข้อหาฟอกเงินของอดีตพระผู้ใหญ่ในมส.นั้น ในส่วนวัดสามพระยาจากข้อมูลที่สอบถามมา พระพรหมดิลก จะสร้างอาคารเพื่อเป็นสถานที่เรียนบาลี นักธรรม ตั้งงบฯก่อสร้าง 30 ล้านบาท จึงได้ของบฯกับพศ. เจ้าหน้าที่พศ.โยกงบฯจากงบฯปริยัติสามัญมาให้ 5 ล้านบาท แต่ระหว่างที่ยังไม่ได้รับเงิน อดีตพระพรหมดิลก ก็ก่อสร้างโดยอาศัยเงินบริจาค และเงินของวัด แต่เพราะทราบว่าจะได้รับเงินจากพศ. 5 ล้านบาท จึงยืมเงินจำนวนหนึ่งกับคนที่รู้จัก เพื่อไม่ให้การก่อสร้างสะดุด และเมื่อเงินจากพศ.ถูกโอนเข้ามาบัญชีท่านจึงถอนไปใช้หนี้ โดยที่ไม่ได้ทำเอกสารหลักฐานทั้งการกู้ยืม และการคืนเงินที่กู้ยืมมาแต่ประการใด ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่พระทำกันมาจนเป็นประเพณีนิยม ดังนั้นหลังจากที่มีการโอนเงินมาจากพศ.จึงมีแค่การโอนเงินไปคืนเจ้าหนี้เท่านั้น จนเกิดทำให้เข้าใจว่าฟอกเงิน ส่วนวัดสระเกศ จากข้อมูลที่สอบถามมา มส. มีมติให้วัดสระเกศ รับผิดชอบจัดงานวันวิสาขบูชาที่สนามหลวง เจ้าอาวาสในขณะนั้น ซึ่งยังไม่ชัดเจนว่าเป็นสมเด็จพระพุฒาจารย์(เกี่ยว) หรือพระพรหมสุธี (เจ้าคุณเสนาะ) จึงทำเรื่องของบฯ พศ.ก็แจ้งว่าจะทำเรื่องให้ แต่งบฯได้ไม่ทัน ขอให้วัดสระเกศสำรองเงินไปก่อน หลังจากเงินโอนเข้ามาแล้วก็ถือว่าใช้คืนเงินที่สำรองจ่ายไปนั้น เจ้าอาวาสวัดสระเกศ จึงใช้เงินของวัดจัดงานล่วงหน้า จนกระทั่งเงินที่ขอพศ. ถูกโอนเข้ามา ท่านจึงเข้าใจว่า เป็นการใช้เงินคืนที่สำรองจ่ายไป ไม่ได้ทำเอกสารการใช้หนี้ที่สำรองจ่ายไปล่วงหน้า ไม่ได้ทำเอกสารหลักฐาน วันเวลาผ่านไป พระพรหมสิทธิ ก็ว่าจ้างทำโฆษณาต่างๆ และได้ทำการจ่ายเงินค่าโฆษณาดังกล่าว จนเกิดความเข้าใจผิดว่าฟอกเงิน....
ขอบคุณ : www.dailynews.co.th/education
ไม่มีความคิดเห็น