ยุทธการวาดภาพวัดให้เป็นผู้ร้าย
กรณีล้อมวัดพระธรรมกาย อาจเป็นพัฒนาการของสงครามป้อมค่ายในไทย จดจบจะลงเอยแบบแฮปปี้กันทุกฝ่ายหรือจะกลายเป็นแบบกรณีสุเหร่าแดงของปากีสถานนั้นไม่ขอคาดเดาถึง
แต่ที่น่าคิดก็คือ ทั้งสองฝ่ายดูจะมั่นใจว่ายุทธการที่ต่างทำอยู่นี้จะได้ใจประชาชนของประเทศที่ส่วนใหญ่ "เสมอนอก" เฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ เสียงของประชาชนนี้เองที่หากเข้าข้างฝ่ายตนแล้ว อีกฝ่ายจะยอมแพ้ ทำตามประสงค์ของตัวในที่สุด
ฝ่ายดีเอสไอกับตำรวจนั้นก็ไม่กล้าบุก เพราะไม่อยากเสียภาพลักษณ์ ด้วยอีกฝ่ายไม่ได้มีอาวุธหรือแสดงอาฆาตมาดร้ายแต่อย่างใด ยุทธการของฝ่ายอยากจับคือวาดให้ฝ่ายวัดเป็นผู้ร้ายไม่ทำตามกฏหมายบ้านเมืองทุกวัน
และต้องให้เป็นผู้ร้ายของประชาชนด้วย เช่น อ้างว่าวางตะปูเรือใบบนถนนหลวง หรือปิดถนนจนชาวบ้านสัญจรไม่ได้ ขณะเดียวกันก็กดดันวัดในทุกมิติ ไม่ว่าจะไปให้ทุกหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องแจ้งความผิดข้อโน้นข้อนี้เพิ่มเติม และหาทางริดรอนแกนนำใกล้ชิดวัด ด้วยการขู่ยื่นข้อหาทั้งทนาย ทั้งคณะกรรมการวัด
ฝ่ายวัดก็คิดว่าออกแนวตั้งมั่นอย่างนี้ฝ่ายบุกนั่นแหล่ะจะเสียความชอบธรรม พวกเขามีกำลังพลมานั่งสวดมนต์กันมหาศาล แต่คุมไม่ให้ออกไปตอบโต้กับใคร นี่ถ้าเป็นแก๊งค์ป่วนเมืองที่พึ่งผ่านไป นอกวัดก็มีหวังไล่ยิงไล่กระทืบคนเห็นต่าง ข้างในวัดก็คงมีแต่คำปลุกระดมด่าทอกัน
ยื้อกันอยู่อย่างนี้เหมือนหนังกำลังลุ้นว่าจะเข้าไคลแมกซ์เมื่อไหร่ ฝ่ายวัดนั่งสวดมนต์นิ่งไฉนตำรวจไม่เดินเทิ่ง ๆ เข้าไปเลยล่ะ ทางวัดขัดขวางจริงจะได้รู้ เล่นเลียบเมืองควงโวหารไปเรื่อย ดึงเกมช้าอย่างนี้ นานไปละครเรตติ้งตกนะ หรือนึกอะไรไม่ออกจะเอาอย่างที่มีคำตลก ๆ เขาแชร์กันเต็มเฟสก็ได้ว่า
ถ้าวันนี้จับธัมมชโยไม่ได้ ก็จับพุทธอิสระแก้ขัดไปก่อนนะครับ
Cr : โดย เรือรบ เมืองมั่น www.facebook.com/ruarob.muangman
ไม่มีความคิดเห็น