ฎีกาเรื่องแจ้งความอันเป็นเท็จ
สถานการณ์บังคับต้องอ่านฎีกาทางโลกเทียบเคียงพระวินัยทางธรรม
สถานการณ์บังคับต้องอ่านฎีกาทางโลกเทียบเคียงพระวินัยทางธรรม
ฎีกาเรื่องแจ้งความอันเป็นเท็จ สถานการณ์บังคับต้องอ่านฎีกาทางโลกเทียบเคียงพระวินัยทางธรรม
1. การแจ้งความอันเป็นเท็จเพื่อมุ่งประสงค์เอาทรัพย์จากผู้อื่น ถือเป็นการกระทำที่เป็นกรรมเดียวแต่มีความผิดต่อกฎหมายหลายบท มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 173, 267, 268 (ฎีกาที่ 5584/2543)
2. ผู้มีความรู้ทางกฎหมาย กระทำการอันเป็นความผิดต่อกฎหมายเสียเอง กล่าวโทษอันเป็นเท็จว่าสถานที่ซุกซ่อนสิ่งผิดกฎหมาย แต่สถานที่ไม่มีสถานะเป็นตัวบุคคล เจ้าของสถานที่จึงตกอยู่ในฐานะผู้เสียหาย มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 173 ประกอบด้วยมาตรา 174 วรรคสอง (ฎีกาที่ 1041/2542)
3. การที่จะเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 173 และ 174 นอกจากจะต้องแจ้งข้อความอันเป็นเท็จเพื่อแกล้งให้ผู้อื่นต้องรับโทษแล้ว ผู้กระทำจะต้องรู้ว่าข้อความที่แจ้งนั้นเป็นเท็จด้วย (ฎีกาที่ 3383/2541)
4. แจ้งความเท็จให้ผู้อื่นได้รับโทษทางอาญา แม้อ้างว่าไม่มีเจตนา แต่พฤติกรรมส่อเจตนาตั้งแต่ต้นอย่างชัดเจน มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 173 (ฎีกาที่ 173/2533)
5. การบรรยายคำฟ้องเรื่องแจ้งความเท็จ ต้องบรรยายให้ครบถ้วนชัดเจนทั้ง 1) หลักฐานคำพูด
2) วันเวลา
3) สถานที่
4) เจตนารู้ว่าเป็นความเท็จ
5) เจตนาให้ได้รับโทษอาญา
6) ความเสียหายที่เกิดขึ้น
7) ข้อกฎหมายที่ใช้บังคับคดี
(สรุปว่าต้องเก็บทุกหลักฐานคำสัมภาษณ์บนหน้าหนังสือพิมพ์ ไล่เลียงตามลำดับเวลา) จึงจะครบถ้วนตาม ป.วิ อาญา มาตรา 158
2) วันเวลา
3) สถานที่
4) เจตนารู้ว่าเป็นความเท็จ
5) เจตนาให้ได้รับโทษอาญา
6) ความเสียหายที่เกิดขึ้น
7) ข้อกฎหมายที่ใช้บังคับคดี
(สรุปว่าต้องเก็บทุกหลักฐานคำสัมภาษณ์บนหน้าหนังสือพิมพ์ ไล่เลียงตามลำดับเวลา) จึงจะครบถ้วนตาม ป.วิ อาญา มาตรา 158
ขุดหลุมดักพระ แต่พระไม่ตกหลุม คนขุดเลยตกหลุมตัวเอง ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว
Cr : Ptt Cnkr
จริงด้วย
ตอบลบจริงด้วย
ตอบลบ