น่าสงสัย?? การตั้งข้อหากับวัดพระธรรมกาย ถึงใช้วิธีกล่าวหาผ่านสื่อไปก่อน แล้วตรวจสอบความจริงทีหลัง แถมผลักภาระให้ผู้ถูกกล่าวหาเป็นฝ่ายพิสูจน์ความจริงกับสังคม !!!
น่าสงสัยว่าทำไมการตั้งข้อหากับวัดพระธรรมกาย ถึงใช้วิธีกล่าวหาผ่านสื่อไปก่อน แล้วตรวจสอบความจริงทีหลัง แถมผลักภาระให้ผู้ถูกกล่าวหาเป็นฝ่ายพิสูจน์ความจริงกับสังคมอีกด้วย
เรื่องนี้ทำให้เกิดความคลางแคลงใจว่า ถ้าลำพังแค่การตั้งข้อหายังให้ความยุติธรรมไม่ได้ แล้วจะให้ประชาชนเชื่อมั่นกระบวนการสอบสวนของรัฐได้อย่างไร
ข้อสังเกตอย่างหนึ่งก็คือ ปัญหาวุ่นวายที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ มีสาเหตุเกิดจากการชี้เบาะแสที่ไม่มีมูลความจริงใช่หรือไม่ แล้วก็โยนความผิดให้วัดพระธรรมกายไปหาทางแก้ไขข้อกล่าวหาเอาเอง โดยที่ผู้ชี้เบาะแสอันเป็นเท็จ ไม่ต้องรับผิดชอบความเสียหายอันใดเลย
ขณะที่วัดพระธรรมกายก็โดนสังคมพิพากษาไปเรียบร้อยแล้ว โดยสังคมก็ให้การรับรองการกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริงให้กลายเป็นความถูกต้องไปแล้วเช่นกัน
วิธีการกล่าวหาผ่านสื่อในทุกวันนี้ แทบจะกลายเป็นสูตรสำเร็จในการใช้สังคมเป็นเครื่องมือรับรองคำกล่าวหาอันเป็นเท็จอย่างสมบูรณ์แบบไปแล้ว โดยที่วัดพระธรรมกายหมดสิทธิ์จะชี้แจงความเป็นจริง เพราะสังคมตัดสินไปแล้ว ชาววัดก็ทำได้เพียงสวดบทธรรมจักรกับฝึกความอดทนต่อการถูกพิพากษาอย่างไม่เป็นธรรมกันต่อไป
Cr : Ptt Cnkr
Cr : Ptt Cnkr
คลิกเล่นสื่อ
น่าแปลกใจเหมือนกัน ทำไมไม่ไปแก้ข้อกล่าวหาตามกระบวนการยุติธรรม รีบออกสื่อปฏิเสธ คนเสพย์ข่าวเขาไม่อาจตามดูหลักฐานทุกช็อตเหมือนกัน ว่าแต่เขาอีเหนาเป็นเอง
ตอบลบวัดสร้างมา 40กว่าปี..ไม่เคยมีคดีความผิด
ตอบลบแค่ 2เดือนที่ผ่านมา..ได้คดีความผิดจาก นายสีวลิงค 400กว่าคดี ..คนไทยกินข้าวนะครับ..ไม่ใช่กินหญ้า
แม้จะมีธงให้กลั่นแกล้งพระ,กลั่นแกล้งวัด ก็พึงมีความละอายบ้าง..มันทุเรศครับ