ประธานฯ“สหกรณ์ฯคลองจั่น” แจงถอนฟ้องคดี หลัง “ศุภชัย ศรีศุภอักษร”
คืนเงิน 34 ล้าน !!
นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานดำเนินการ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เคยเป็นประธานกฐินวัดพระธรรมกายปี 2552 และร่วมเป็นไวยาวัจกร (ผู้ดูแลเงินของวัด) ต่อเนื่องหลายปี
เมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2560 เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ นำตัวนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานคณะกรรมการดำเนินการ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่นที่ถูกศาลสั่งจำคุก 16 ปีในความผิดฐานยักยอกทรัพย์มาที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษกอีกครั้ง เพื่อฟังผลการพิจารณาของศาลชั้นต้น หลังจากคณะกรรมการดำเนินการ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดี
นายประกิต พิลังกาสา ประธานคณะกรรมการดำเนินการชุดที่ 31 สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลอจั่น เปิดเผยว่า หลังจากศาลอาญามีคำพิพากษาให้จำคุกนายศุภชัย 32 ปี แต่เนื่องจากนายศุภชัยรับสารภาพ จึงลดโทษลงกึ่งหนึ่งเหลือ 16 ปี โดยรอการลงโทษ ต่อมานายศุภชัยได้มอบหมายให้ทนายความมาเจรจากับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น โดยจะไปหาเงินที่ยักยอกมาคืนสหกรณ์ฯ 27 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี รวมเป็นเงิน 34 ล้านบาท
แต่มีข้อแม้ว่าสหกรณ์ฯต้องถอนฟ้องคดี จากนั้นนายศุภชัยได้นำเงินชำระคืนสหกรณ์ฯครบช่วงปลายปี 2559 ทางสหกรณ์ฯจึงไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอถอนฟ้องคดี และในช่วงเช้าของวันที่ 21 มีนาคม 2560 ศาลได้เรียกโจทย์และจำเลย มาฟังผลการพิจารณาคดี ปรากฏว่ากรมส่งเสริมสหกรณ์และอัยการพิเศษ ไม่เห็นด้วย เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อคดีอื่นๆ จึงยื่นคัดค้าน คำร้องของสหกรณ์ฯ ศาลชั้นต้น จึงรวบรวมคำร้องทั้งหมดส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาต่อไป
“คดียักยอกทรัพย์ผู้ผื่น เป็นคดีอาญาส่วนบุคคล ไม่ใช่อาญาแผ่นดิน สามารถยอมความกันได้ เมื่อผู้กระทำความผิด ยอมนำทรัพย์ที่ยักยอกมาคืนแก่ผู้เสียหาย แต่ก็มีสมาชิกสหกรณ์บางรายไม่เห็นด้วย ไม่อยากให้สหกรณ์ฯยอมรับข้อเสนอของนายศุภชัย เพราะเกรงว่านายศุภชัยออกจากคุก ตรงกันข้าม หากคณะกรรมการฯไม่ยอมรับข้อเสนอของนายศุภชัย ก็จะมีสมาชิกอีกกลุ่ม ออกมาตั้งคำถามคณะกรรมการฯ นายศุภชัยยอมชดใช้ค่าเสียหายแล้ว ทำไมไม่ยอมรับ ก่อนยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีต่อศาล คณะกรรมการฯได้พิจารณาอย่างรอบครอบแล้ว เห็นว่าหน้าที่ของคณะกรรมการฯ คือ ฟื้นฟูกิจการสหกรณ์ฯ และติดตามทรัพย์ที่ถูกยักยอกคืนเจ้าหนี้ทุกราย ไม่มีหน้าที่จับใครเข้าคุก จึงยอมรับข้อเสนอดังกล่าว เมื่อนายศุภชัยชำระเงินครบถ้วน จึงไปยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีต่อศาลตามที่ได้ตกลงกันไว้
” นายประกิต กล่าว
นายประกิต กล่าวต่อว่าผลการพิจารณาวันนี้ ศาลชั้นต้นได้รวบรวมคำร้องขอถอนฟ้องคดีของคณะกรรมการดำเนินการฯ และคำร้องคัดค้านของกรมส่งเสริมสหกรณ์และอัยการพิเศษ ส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา ตามขั้นตอนศาลจะต้องเรียกโจทย์และจำเลยไต่สวนอีกครั้ง ก่อนพิพากษาคดี ส่วนนายศุภชัยจะได้รับการลดโทษ และออกจากเรือนจำหรือไม่นั้น คงต้องรอฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยืนยันในหลักการ คณะกรรมการดำเนินการฯไม่มีหน้าที่เอาใครเข้าคุก แต่มีหน้าที่ฟื้นฟูกิจการและหาเงินคืนสหกรณ์ฯ ส่วนภารกิจในการติดตามทรัพย์สินของสหกรณ์ฯ ขณะนี้ ติดตามคืนมาได้กว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ได้คืนมาจากวัดพระธรรมกาย ยืนยันมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะจ่ายเงินคืนสมาชิกในงวดเดือนมิถุนายน 2560 ได้อย่างแน่นอน ส่วนเงินเยี่ยวยาจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คาดว่าจะได้ข้อยุติภายในเดือนพฤษภาคม 2560 หากไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล ในระยะยาวคงมีปัญหา
นายประกิต พิลังกาสา
ความเป็นมาคดีนี้ เกิดขึ้นในช่วงที่นายศุภชัยได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานสหกรณ์ฯ คลองจั่นจากที่ประชุมใหญ่ มีเวลาดำรงตำแหน่ง 2 ปี และยังดำรงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่สหกรณ์ฯอีกตำแหน่ง ระหว่างวันที่ 10 เมษายน 2556 ถึงวันที่ 8 ตุลาคม 2556
ตามคำบรรยายในคดีนี้ นายศุภชัยได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้เสียหาย หรือ เป็นผู้มีอาชีพนักธุรกิจอันเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ได้กระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกันด้วยการเบียดบัง สั่งการให้เจ้าหน้าที่การเงินทำการเบิกจ่ายเงินสดของสหกรณ์หลายครั้งเข้าบัญชีของนายศุภชัย หรือบุคคลที่ 3 โดยทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับเป็นคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2557 ต่อมาได้สรุปสำนวนส่งอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 ยื่นฟ้องศาล โดยศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาคดี หมายเลขคดีดำ อ.1739/2557 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2559 โดยนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ได้กลับคำให้การในชั้นศาล ยอมรับสารภาพต่อศาลว่ากระทำความผิดจริง จากเดิมที่ให้การปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวนมาโดยตลอด ศาลจึงตัดสิน ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354 จำคุกไม่เกิน 5 ปี แต่เนื่องจากโจทก์ยื่นฟ้องตามจำนวนครั้งที่ยักยอก 8 ครั้ง และให้พิพากษาเรียงกระทง รวมเป็นโทษจำคุก 28 ปี 48 เดือน แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจึงลดโทษลงกึ่งหนึ่ง เหลือ 16 ปี ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์ว่าการกระทำของจำเลยมีพฤติการณ์ร้ายแรง จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานดำเนินการ สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เคยเป็นประธานกฐินวัดพระธรรมกายปี 2552 และร่วมเป็นไวยาวัจกร (ผู้ดูแลเงินของวัด) ต่อเนื่องหลายปี
นายประกิต พิลังกาสา ประธานคณะกรรมการดำเนินการชุดที่ 31 สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลอจั่น เปิดเผยว่า หลังจากศาลอาญามีคำพิพากษาให้จำคุกนายศุภชัย 32 ปี แต่เนื่องจากนายศุภชัยรับสารภาพ จึงลดโทษลงกึ่งหนึ่งเหลือ 16 ปี โดยรอการลงโทษ ต่อมานายศุภชัยได้มอบหมายให้ทนายความมาเจรจากับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น โดยจะไปหาเงินที่ยักยอกมาคืนสหกรณ์ฯ 27 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี รวมเป็นเงิน 34 ล้านบาท
แต่มีข้อแม้ว่าสหกรณ์ฯต้องถอนฟ้องคดี จากนั้นนายศุภชัยได้นำเงินชำระคืนสหกรณ์ฯครบช่วงปลายปี 2559 ทางสหกรณ์ฯจึงไปยื่นคำร้องต่อศาลอาญา ขอถอนฟ้องคดี และในช่วงเช้าของวันที่ 21 มีนาคม 2560 ศาลได้เรียกโจทย์และจำเลย มาฟังผลการพิจารณาคดี ปรากฏว่ากรมส่งเสริมสหกรณ์และอัยการพิเศษ ไม่เห็นด้วย เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อคดีอื่นๆ จึงยื่นคัดค้าน คำร้องของสหกรณ์ฯ ศาลชั้นต้น จึงรวบรวมคำร้องทั้งหมดส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาต่อไป
“คดียักยอกทรัพย์ผู้ผื่น เป็นคดีอาญาส่วนบุคคล ไม่ใช่อาญาแผ่นดิน สามารถยอมความกันได้ เมื่อผู้กระทำความผิด ยอมนำทรัพย์ที่ยักยอกมาคืนแก่ผู้เสียหาย แต่ก็มีสมาชิกสหกรณ์บางรายไม่เห็นด้วย ไม่อยากให้สหกรณ์ฯยอมรับข้อเสนอของนายศุภชัย เพราะเกรงว่านายศุภชัยออกจากคุก ตรงกันข้าม หากคณะกรรมการฯไม่ยอมรับข้อเสนอของนายศุภชัย ก็จะมีสมาชิกอีกกลุ่ม ออกมาตั้งคำถามคณะกรรมการฯ นายศุภชัยยอมชดใช้ค่าเสียหายแล้ว ทำไมไม่ยอมรับ ก่อนยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีต่อศาล คณะกรรมการฯได้พิจารณาอย่างรอบครอบแล้ว เห็นว่าหน้าที่ของคณะกรรมการฯ คือ ฟื้นฟูกิจการสหกรณ์ฯ และติดตามทรัพย์ที่ถูกยักยอกคืนเจ้าหนี้ทุกราย ไม่มีหน้าที่จับใครเข้าคุก จึงยอมรับข้อเสนอดังกล่าว เมื่อนายศุภชัยชำระเงินครบถ้วน จึงไปยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีต่อศาลตามที่ได้ตกลงกันไว้
” นายประกิต กล่าว
นายประกิต กล่าวต่อว่าผลการพิจารณาวันนี้ ศาลชั้นต้นได้รวบรวมคำร้องขอถอนฟ้องคดีของคณะกรรมการดำเนินการฯ และคำร้องคัดค้านของกรมส่งเสริมสหกรณ์และอัยการพิเศษ ส่งให้ศาลอุทธรณ์พิจารณา ตามขั้นตอนศาลจะต้องเรียกโจทย์และจำเลยไต่สวนอีกครั้ง ก่อนพิพากษาคดี ส่วนนายศุภชัยจะได้รับการลดโทษ และออกจากเรือนจำหรือไม่นั้น คงต้องรอฟังคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยืนยันในหลักการ คณะกรรมการดำเนินการฯไม่มีหน้าที่เอาใครเข้าคุก แต่มีหน้าที่ฟื้นฟูกิจการและหาเงินคืนสหกรณ์ฯ ส่วนภารกิจในการติดตามทรัพย์สินของสหกรณ์ฯ ขณะนี้ ติดตามคืนมาได้กว่า 1,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่ได้คืนมาจากวัดพระธรรมกาย ยืนยันมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะจ่ายเงินคืนสมาชิกในงวดเดือนมิถุนายน 2560 ได้อย่างแน่นอน ส่วนเงินเยี่ยวยาจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ คาดว่าจะได้ข้อยุติภายในเดือนพฤษภาคม 2560 หากไม่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาล ในระยะยาวคงมีปัญหา
นายประกิต พิลังกาสา
ตามคำบรรยายในคดีนี้ นายศุภชัยได้รับมอบหมายให้จัดการทรัพย์สินของผู้เสียหาย หรือ เป็นผู้มีอาชีพนักธุรกิจอันเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ได้กระทำผิดกฎหมายหลายกรรมต่างกันด้วยการเบียดบัง สั่งการให้เจ้าหน้าที่การเงินทำการเบิกจ่ายเงินสดของสหกรณ์หลายครั้งเข้าบัญชีของนายศุภชัย หรือบุคคลที่ 3 โดยทุจริต ทำให้เกิดความเสียหายต่อประชาชน
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) รับเป็นคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2557 ต่อมาได้สรุปสำนวนส่งอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 4 ยื่นฟ้องศาล โดยศาลอาญา นัดฟังคำพิพากษาคดี หมายเลขคดีดำ อ.1739/2557 เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2559 โดยนายศุภชัย ศรีศุภอักษร ได้กลับคำให้การในชั้นศาล ยอมรับสารภาพต่อศาลว่ากระทำความผิดจริง จากเดิมที่ให้การปฏิเสธในชั้นพนักงานสอบสวนมาโดยตลอด ศาลจึงตัดสิน ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 354 จำคุกไม่เกิน 5 ปี แต่เนื่องจากโจทก์ยื่นฟ้องตามจำนวนครั้งที่ยักยอก 8 ครั้ง และให้พิพากษาเรียงกระทง รวมเป็นโทษจำคุก 28 ปี 48 เดือน แต่จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลจึงลดโทษลงกึ่งหนึ่ง เหลือ 16 ปี ทั้งนี้ ศาลพิเคราะห์ว่าการกระทำของจำเลยมีพฤติการณ์ร้ายแรง จึงไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ
ไม่มีความคิดเห็น