ท่าที เรียบเฉย ท่าที ของ ธรรมกาย เบื้องหน้า มรสุม
การเข้ามาของข่าวการเรียกเก็บภาษีหุ้น “ชินคอร์ป” มีผลสะเทือนไม่เพียงแต่ต่อตระกูลชินวัตร หากแต่ยังทำให้กระแสข่าวอันเกี่ยวกับ “ธรรมกาย” ดาวน์ลง
ที่เคยเป็นพาดหัว “ตัวไม้” ก็ลดระดับ
ประกอบกับมีความจำเป็นต้องผ่อนปรนมาตรการจาก “มาตรา 44” และคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 5/2560 ลงยินยอมให้คณะศิษยานุศิษย์เข้าไปทำบุญในวัดได้
ทำให้การประชุมร่วมที่ บก.ตชด.ภ.1 เริ่มกร่อย
แต่พลันที่มีการขยายกรอบไปสู่ “ตลาดหุ้น” ขยาย “หมายจับ” ออกไปอย่างกว้างขวาง เมื่อประสานเข้ากับ
การโยง “คลังแสง โกตี๋” เข้ามาอีก
ทำให้กรณี “ธรรมกาย” เริ่มจบยาก
น่าสังเกตว่า เมื่อประสบเข้ากับสถานการณ์รุกไล่จากเรื่องนำเงินกว่า 1,000 ล้านบาท เข้าตลาดหุ้น รวมถึงความพยายามขยายกรอบ “หมายจับ” เพิ่มปริมาณมากขึ้น และล่าสุดก็คือการพยายามหาความสัมพันธ์ของอาวุธสงครามเข้ากับสถานการณ์ปิดล้อมในห้วง 20 วันที่ผ่านมา
ถามว่า “ธรรมกาย” แสดงท่าทีอย่างไร
แปลกที่วัดพระธรรมกายยังดำรง “ท่าที” วางเฉยของตนเอาไว้อย่างมั่นแน่ว ไม่มีแม้กระทั่งการแถลงข่าวแจกแจงรายละเอียด
ต่อกรณี พระเผด็จ ทัตตชีโว มีแถลงสั้นๆ จาก พระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส
ยืนยันว่าข่าวนี้มิได้ส่งผลสะเทือนอะไรในทางจิตใจต่อ พระเผด็จ ทัตตชีโวเลยแม้แต่น้อย เพราะว่าท่านอายุ 76 ปีแล้ว
ท่านยังคงยืนยันการบวชเพื่อพระศาสนาจนตลอดชีวิต
อายุ 76 ปีของท่านจึงไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปเข้าเกี่ยวพันกับการเล่นหุ้น ปั่นหุ้น เพื่อสร้างผลกำไรใดๆ
นี่เป็น “ท่าที” เดียวกันกับเมื่อ พระไชยบูลย์ สุทธิผล ประสบ
ไม่ว่าจำนวน “หมายจับ” จะเพิ่มขึ้นอย่างไร ทั้ง พระไชยบูลย์ สุทธิผล ทั้งพระเผด็จ ทัตตชีโว ก็ยังวางอุเบกขา
เหมือนกับจะยืนยัน หากอยากจับก็ให้เข้าไป
นับแต่สถานการณ์ตรวจค้นวัดพระธรรมกายครั้งที่ 3 ในวันที่ 10 มีนาคม ผ่านพ้น ท่าทีของวัดพระธรรมกายมีความพึงพอใจมากกว่าความหงุดหงิด
กระทำตามคำขอร้องของ “เจ้าคณะจังหวัด” อย่างเคร่งครัด
ไม่มีกิจกรรมใดอันส่อแสดงที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กับการเมือง หรือบ่งบอกกระบวนการของการเคลื่อนไหว
แม้กระทั่ง “แถลงข่าว” ยังไม่มี
ที่ยังคงยืนหยัดต่อเนื่องก็คือ กิจกรรมในทางศาสนาปกติ ได้แก่ การสวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตรโดยวางเป้าหมายที่ 40,000,000 จบ
รวมถึงการอบรม “ธรรมทายาท” ที่กำหนดเอาไว้แล้ว
แม้จะมีความพยายามโยงการตรวจจับอาวุธสงครามบ้านของ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ คล้ายกับจะสัมพันธ์กับสถานการณ์ในห้วงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 10 มีนาคม แต่น่าเชื่อว่าทางวัดพระธรรมกายคงไม่ชี้แจงอะไร
เพราะถือว่าไม่ได้เกี่ยวกับ “วัด”
มีความร้อนใจจากคณะศิษยานุศิษย์จำนวนหนึ่งอย่างแน่นอน เพราะเกรงว่าสถานการณ์อาจเป็นเหมือนกับที่ตระกูลชินวัตรเคยประสบตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549
แต่ดูเหมือนว่า “ธรรมกาย” จะมิได้ร้อนใจไปด้วย
หากดูจากเว็บเพจอันสะท้อนท่าทีโดยตรงของวัด ไม่ว่าจะเป็นที่เคยเป็นดีเอ็มซี ทีวี ไม่ว่าจะเป็นของพระสนิทวงศ์ วุฑฒิวังโส
ยังคงนำเสนอ “พุทธภาษิต” และ “คำคม” เหมือนที่เคยกระทำมา
ที่มา www.matichon.co.th
ไม่มีความคิดเห็น