รายการ สถานีพักใจ โดย พระวิโรจน์ อคฺคจิตโต ตอน ไม่ประมาท (โคขวิด) อปฺปมาโท อมตํ ปทํ “ความไม่ประมาท เป็นทางไม่ตาย” ในสมัยพุทธกาล มีเรื่อง...
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhAsG31fkzPCSQimr72ZdYAU_WLO4hMeaGvw2KziUU4QySvVK251pDxDZMd_61rdoA8tnxBrt6JGzhzEGs7cxMoYmyC8ElrkgDJQDxNNxdrmdLI3P_eWA6UhEttVhG8eOTEemuWMg6F__Ck/s400/%25E0%25B9%2584%25E0%25B8%25A1%25E0%25B9%2588%25E0%25B8%259B%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%25B0%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%2597+%2528%25E0%25B9%2582%25E0%25B8%2584%25E0%25B8%2582%25E0%25B8%25A7%25E0%25B8%25B4%25E0%25B8%2594%2529.jpg)
รายการ สถานีพักใจ
โดย พระวิโรจน์ อคฺคจิตโต
ตอน ไม่ประมาท (โคขวิด)
อปฺปมาโท อมตํ ปทํ “ความไม่ประมาท เป็นทางไม่ตาย”
ในสมัยพุทธกาล มีเรื่องราวของพระพาหิยทารุจีริยเถระ
ท่านเป็นพระอรหันต์รูปหนึ่ง ในอดีตชาติได้ตั้งความปรารถนา
จะเป็นพระภิกษุที่เป็นเลิศทางด้านการตรัสรู้หรือบรรลุธรรมได้เร็ว
ย้อนไปในอดีต สมัยพระกัสสปะสัมมาสัมพุทธเจ้า
หลังจากที่ท่านได้เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว
มีพระภิกษุกลุ่มหนึ่ง จำนวน 7 รูป ได้มากราบนมัสการบูชาพระเจดีย์ มีความคิดขึ้นมาในหัวว่า ตอนนี้พระองค์ก็ไม่อยู่แล้วเมื่อเวลาผ่านไป คำสอนหรือศาสนาอะไรต่าง ๆ คงจะอันตรธานหายไป
ดังนั้น เราอาศัยช่วงเวลาที่เหลืออยู่นี้ เร่งทำความเพียร กำจัดกิเลสออกไปให้หมดสิ้น ว่าแล้ว พระภิกษุก็ได้รวมตัวกัน มองเห็นภูเขาลูกหนึ่งอยู่ไกลๆ มีหน้าผา และได้เดินทางขึ้นไป ยังถ้ำ โดยตั้งใจไว้ว่า ถ้ายังไม่ได้บรรลุธรรม ไม่มีอภิญญา หรือไม่สามารถเหาะเหิน เดินอากาศได้ ก็จะต้องตายอยู่ที่นั่นแหละจากนั้นพระภิกษุทั้งหมด ก็ได้ปีนบันไดขึ้นไป เมื่อเสร็จแล้วจึงได้ทิ้งบันไดลงมา
มีพระภิกษุ 1 ใน 7 รูป ที่ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ได้อภิญญา 6 สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ และนำภัตตาหารมา แบ่งให้พระภิกษุทั้ง 6 รูปที่เหลือ แต่ไม่มีท่านใดที่ฉันภัตตาหารนั้นเลย เพราะทุกรูปยังคงความตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกที่ว่า "หากตราบใดที่ยังไม่ได้บรรลุธรรม ก็ยังจะทำความเพียรต่อไป"
จากนั้น 2-3 วันผ่านไป มีภิกษุ รูปที่ 2 บรรลุเป็นพระอนาคามี สามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ ไปรับภัตตาหารมาและนำมาถวายพระภิกษุอีก 5 รูป แต่ก็ไม่มีรูปใดรับเมื่อเวลาผ่านไป ภิกษุทั้ง 5 รูป ก็ยังไม่ได้บรรลุธรรม และสุดท้าย ได้มรณภาพที่ถ้ำนั้น แต่ด้วยความเพียรบารมีเหล่านี้ ก็จะติดตามตัวท่านไป
ส่วนพระอรหันต์ได้ก็บรรลุนิพพานและพระอนาคามีที่บรรลุอภิญญาก็ได้ไปบังเกิดเป็นพรหม เพื่อที่จะรอนิพพานที่ชั้นพรหมต่อไป
และ 1 ใน 5 ของพระภิกษุที่มรณะ ก็ได้มาเกิดเป็นพ่อค้าหนุ่ม ในสมัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ได้ท่องเรือไปและเรือเกิดอัปปางกลางทะเล แต่สามารถเกาะไม้และพัดมาที่ชายฝั่ง
จนรอดมาได้ แต่ไม่มีอะไรเหลือเลย แม้กระทั่งเสื้อผ้า จึงได้นำเอาเปลือกไม้ มาปกปิดที่ร่างกาย เอากระเบื้องไปขอทาน
ที่เมืองพาหิยะ ชาวเมืองต่างก็พากันเข้าใจว่าเป็นผู้วิเศษ
มักน้อย สันโดษ จึงเกิดความเลื่อมใส นำเสื้อผ้ามาให้ก็ไม่รับ ยิ่งเกิดความเลื่อมใสขึ้นไปอีก ลาภ สักการะ ต่าง ๆ จึงตามมา
ตอนแรกนายพาหิยะ ก็ยังไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นพระอรหันต์
แต่เมื่อมีคนอื่นยกย่อง จึงเกิดการหลงตัวเองและคิดว่าตนได้เป็นพระอรหันต์จริง ๆในส่วนของพระอนาคามี หรือเพื่อนที่ได้ไปบังเกิดในพรหมโลก เมื่อเห็นดังนั้น จึงได้ลงมาตักเตือนและบอกว่า สิ่งที่ทำอยู่นั้น ท่านยังไม่ใช่พระอรหันต์ และสิ่งที่ทำก็ไม่ใช่ทางที่จะดำเนินไปสู่การเป็นพระอรหันต์เลย
แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นมีอยู่ ที่เมือง สาวัตถี
ทันทีที่ได้ฟัง นายพาหิยะก็รู้สึกสลด จึงเกิดความตั้งใจในทันทีและได้เดินทางข้ามเมืองไปวัดพระเชตะวัน เพื่อไปเข้าเฝ้าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไปถึงตอนเช้าพอดี แต่ก็ไม่ได้เจอ เพราะท่านออกไปบิณฑบาตอยู่เลยออกไปเดินตามหา และทันทีที่ได้เจอ จึงก้มลงไปก้มกราบทันทีและขอฟังธรรมกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ท่านจึงตรัสว่า ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาแห่งการฟังธรรม เพราะพระองค์กำลังบิณฑบาตอยู่ แต่พาหิยะก็ยังยืนยันที่จะฟัง พระพุทธองค์ทรงตรัสห้ามถึง 3 ครั้ง
พาหิยะจึงบอกว่า “ชีวิตของพระองค์ก็ไม่รู้จะอยู่ต่อได้อีกนานเท่าไหร่ ชีวิตของข้าพเจ้าก็ไม่รู้จะอยู่อีกนานเท่าไหร่ด้วย
ความตายจะมาเมื่อไหร่ไม่รู้ ดังนั้นโปรดจงประทานณรรมให้แก่ข้าพเจ้าด้วยเถิด”พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงได้แสดงธรรม และไม่นานพาหิยะก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ ณ ที่ยืนบิณฑบาตตรงนั้นทันที
แต่ด้วยอดีตชาติมีวิบากกรม จึงไม่สามารถ บวชแบบเหิภิกขุอุปสัมปทาได้และต้องออกไปเดินหาบาตรและจีวร เพื่อมาอุปสมบทกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่ด้วยวิบากกรรมเก่าอีก จึงถูกอมนุษย์ที่มีวิบากกรรมที่เคยทำมากับนายพาหิยะ เข้าสิงโคแล้ววิ่งเข้ามาขวิด จนเสียชีวิต
พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในระหว่างทาง เห็นศพ เลยให้ไปสร้างพระเจดีย์มีพระสงฆ์ถามว่า ไปเกิดที่ไหน พระสัมมาสัมพุทธเจ้า จึงบอกว่า พาหิยะได้บรรลุนิพพานแล้ว ตั้งแต่ที่บิณฑบาต ณ ที่ตรงนั้นแล้ว
ดังนั้น เราทุกคน จงใช้ชีวิตอย่างไม่ประมาท เพราะความตายอยู่ใกล้ๆ ตัวและความตายไม่ได้มีสิ่งใดบ่งบอกเลยว่าจะมาตอนไหนในฐานะที่เป็นชาวพุทธ เราก็ไม่ควรประมาท
ปัจจุบัน มีทั้งเรื่องโรคภัย ไข้ เจ็บ เราต้องไม่ประมาท
ไม่มัวเมา ในความหนุ่ม สาว ว่าเราเป็นที่แข็งอยู่
ให้หมั่นทำบุญทำกุศล อยู่บ่อยๆ แล้วจะเป็นเสบียงบุญติดตามตัวเราไป
รายการ สถานีพักใจ 28 เมษายน พ.ศ. 2564
#ZOOM072
#สรุปZOOM072
#ผู้สรุปเนื้อหา : #จิตสุคนธ์ (จิ๊บจ๊อย)
#Infographic designed by #เพจการบ้าน
ไม่มีความคิดเห็น