ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

พระพุทธศาสนาคุณค่าที่บางคนมองข้าม

พระพุทธศาสนาคุณค่าที่บางคนมองข้าม


อ่านข่าวพบข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ว่าคนรุ่นใหม่เขาไม่มีศาสนา ไม่สนใจศาสนา เพราะเขาเชื่อมั่นในตัวเอง เขาไม่พึ่งพาอำนาจนอกตัวเอง บางข่าวก็ว่า เบื่อพระ แต่ไม่เบื่อศาสนา ก็น่าชื่นใจอยู่หรอกถ้าคนรุ่นใหม่เป็นอย่างนั้น เพราะในเรื่องนี้ ในสมัยพุทธกาลก็มีพราหมณ์คนหนึ่งไปทูลถามพระพุทธเจ้าว่า คำสอนของพระองค์จำเป็นแก่คนทุกคนหรือไม่ การที่พราหมณ์ถามอย่างนี้พราหมณ์แกเดาใจพระพุทธเจ้าว่า พระองค์ต้องตอบว่า คำสอนของพระองค์จำเป็นแก่มนุษย์ทุกคน แต่พราหมณ์ต้องผิดหวังเพราะพระองค์กลับตรัสตอบพราหมณ์โดยยกตัวอย่างเรื่องคนป่วยให้ฟังก่อน เพื่อความเข้าใจง่ายว่าในโลกนี้มีคน

มีคนไข้อยู่ 3 ประเภท คือ
คนไข้ประเภทที่ 1 คนไข้บางคนรักษาก็หาย ไม่รักษาก็หาย
คนไข้ประเภทที่ 2 คนไข้บางคนรักษาก็ตาย ไม่รักษาก็ตาย
คนไข้ประเภทที่ 3 คนไข้บางคนรักษาจึงหายถ้าไม่รักษาตาย
แล้วตรัสถามพราหมณ์ว่า คนไข้ทั้ง 3 ประเภทนี้หมอจำเป็นสำหรับคนไข้ประเภทไหน ? 
พราหมณ์ได้ทูลตอบว่า หมอจำเป็นสำหรับคนไข้ประเภทที่ 3
จากนั้นพระองค์ก็ตรัสแก่พราหมณ์ว่า ในโลกนี้ก็มี
คนอยู่ 3 ประเภทเช่นกัน คือคนบางคนพบคำสอนของพระตถาคตก็ตาม ไม่พบคำสอนของพระตถาคตก็ตาม เขาสามารถนำชีวิตของเขาสู่กุศลได้ คือเอาตัวรอดได้
คนบางคน พบคำสอนของพระตถาคตก็ตามไม่พบคำสอนของพระตถาคตก็ตาม เขาไม่สามารถนำชีวิตของเขาเข้าสู่กุศลได้เลย คือเอาตัวไม่รอด คนบางคน พบคำสอนของพระตถาคตแล้ว จึงนำชีวิตเข้าไปสู่กุศลได้ คือเอาตัวรอดได้ ถ้าไม่พบคำสอนของพระตถาคต เขาไม่สามารถนำชีวิตของเขาเข้าสู่กุศลได้ คือเอาตัวไม่รอด แล้วจึงสรุปว่า คำสอนของพระตถาคตจำเป็นสำหรับคนประเภทที่ 3 เท่านั้น
การนำชีวิตเข้าสู่กุศลก็คือ เมื่อฟังคำสอนของพระตถาคตแล้ว นำชีวิตเข้าสู่ความสุข ทั้งในชีวิตปัจจุบัน และทั้งชีวิตในปรโลก และไปนิพพานก็ได้ นั่นคือชีวิตที่เอาตัวรอดทั้งปัจจุบัน และในสัมปรายภพ คำสอนอะไร? ที่สอนให้มีความสุขในปัจจุบัน คำสอนอะไร? ที่สอนให้มีความสุข ในปรโลก ทรงสอนว่า อยากเอาตัวรอดในปัจจุบันต้องสร้างฐานะให้มั่นคง ด้วยหลักธรรม 4 ประการคือ
ขยัน
ประหยัด
ไม่คบคนชั่ว
ไม่ฟุ้งเฟ้อเกินไป และมีวินัยในการดำเนินชีวิต 4 ประการคือ ไม่เป็นนักเลงหญิง หนึ่ง ไม่เป็นนักเลงสุราหรือยาเสพติด หนึ่ง ไม่เล่นการพนัน หนึ่ง และไม่คบคนชั่วเป็นเพื่อน หนึ่ง คำสอนที่จะให้พ้นไปจากการที่ตายไปแล้วต้องไปเกิดในนรกก็คือมีศีลห้า
นี่คือคำสอนที่เอาตัวรอดทั้งในปัจจุบันและสัมปรายภพ ถ้าคนรุ่นใหม่เข้าเป็นคนในลักษณะนี้ก็น่ายินดี แสดงถึงว่าชีวิตเขามีคุณภาพ


ย้อนไปในเรื่องคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีศาสนา ถ้าเขาเป็นคนประเภทที่หนึ่งก็น่าชื่นใจ แต่ถ้าเป็นคนประเภทที่สองก็น่าเสียดาย เพราะอะไร? เพราะคำว่าศาสนา เป็นเรื่องของศีลธรรม เพราะคำว่าศาสนาแปลว่าคำสอน พระองค์สอนอะไร? พระองค์สอนให้มีศีลธรรม เพราะคนไม่มีศีลธรรม เป็นคนไม่มีคุณภาพ ถ้าเราพูดเฉพาะว่าคนไม่มีศาสนาเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ถ้าเราพูดว่าคนไม่มีศีลธรรม มันแสดงถึงว่าคนไม่มีคุณภาพเลย เราต้องไม่ลืมว่าครอบครัวและประเทศชาติต้องการคนมีคุณภาพ ดังนั้นคำว่าคนรุ่นใหม่ไม่มีศาสนา น่าจะเป็นคำพูดกระทบพระมากกว่า เพราะมีบางคำกล่าวถึงการทำทาน ทำนองทำกับคนอื่นดีว่า ถ้าเป็นอย่างนั้นขอแจ้งให้ทราบว่าวิบากบุญของการให้ทาน ที่จะได้ผลมากที่สุดคือถวายทานแก่ภิกษุสงฆ์เท่านั้น ให้ทานกับสัตว์ก็ได้วิบากบุญเหมือนกัน ให้ทานกับมนุษย์ก็ได้วิบากบุญเช่นกัน แต่ถ้าให้กับภิกษุสงฆ์ ได้วิบากบุญมากกว่า โดยพระพุทธองค์ตรัสเปรียบเทียบให้เห็นว่าในโลกนี้แหล่งความร้อนที่ร้อนที่สุดคือพระอาทิตย์ แอ่งน้ำที่ใหญ่ที่สุดคือมหาสมุทร ในหมู่มนุษย์พระราชาใหญ่ที่สุด ในหมู่ดาวดวงจันทร์สว่างที่สุด ในแหล่งทำทาน การให้ทานแก่ภิกษุสงฆ์มีอานิสงส์มากกว่าแหล่งอื่น

และถ้าจะให้ดีที่สุดก็คือถวายสังฆทาน เพราะการถวายสังฆทาน แม้พระทุศีลมารับสังฆทานตามบัญชาสงฆ์ก็มีอานิสงส์นับไม่ถ้วน นับไม่ถ้วนอย่างไร? ถ้าถวายอาหารแก่สงฆ์ ผู้ถวายอาหารจะมีอาหารบริบูรณ์ทุกชาติ นับชาติไม่ถ้วน แต่ถ้าถวายอาหารเจาะจง พระเขาผู้ถวายอาหารจะมีอาหารบริบูรณ์นับชาติได้ การพูดแนะนำมาอย่างนี้ ก็เพื่อให้รับรู้ว่าพระสงฆ์จะดีจะชั่วอย่างไร ถ้าเราหวังบุญจากท่าน แล้วทำถูกวิธีเราก็ได้ประโยชน์แน่นอน

แต่ถ้าคำนึงถึงพระศาสนา ก็ชอบแล้วที่จะติติง เพื่อความยั่งยืนของพระพุทธศาสนา แต่ผู้เขียนเห็นว่าจะติติงอย่างไร ก็น่าจะไม่มีผลมากนัก เพราะระบบการปกครองพระในวัด ทางบ้านเมืองไปจัดการจนผิดพระพุทธประสงค์ ผิดอย่างไร? ตามพระวินัย เมื่อพระภิกษุในวัดทำผิดวินัย และทำบ่อยๆ เจ้าอาวาสจะต้องประชุมสงฆ์ ลงโทษพระที่ประพฤติผิดวินัยนั้น โทษก็มีตั้งแต่ ห้ามพระอื่นคบเรียกว่าอุกเขปนียกรรม ถอดยศเรียกว่านิสยกรรม หรือไล่ออกจากวัดเรียกว่าปัพพาชนียกรรม
การใช้มติสงฆ์ลงโทษ ทำให้พระที่ถูกลงโทษยำเกรงสงฆ์ เพราะเป็นมติของสงฆ์ทั้งวัด ถ้าไม่ปฏิบัติตามจะมองหน้าพระทั้งวัดได้อย่างไร แต่ทุกวันนี้พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ให้อำนาจเจ้าอาวาสลงโทษพระได้เลย เมื่อไม่ชอบใจพระรูปไหนเจ้าอาวาสก็ไล่ออกจากวัดได้ เพราะมีอำนาจ ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์
การให้เจ้าอาวาสมีอำนาจมาก เป็นผลเสีย 4 ประการคือ  1.ผิดอปหานิยธรรม (อ่าน อะปะหานิยะธรรม) ข้อที่ว่า บัญญัติสิ่งที่พระพุทธเจ้าไม่บัญญัติขึ้น 2.ทำให้เจ้าอาวาสทำผิดพระวินัย เพราะไปลงโทษพระโดยที่ตนไม่มีอำนาจตามพระวินัย 3.ทำให้เจ้าอาวาสไม่กล้าลงโทษพระในวัดเมื่อพระในวัดละเมิดวินัย เพราะกลัวจะถูกพวกพ้องของพระรูปนั้นอาฆาตแล้วทำอันตราย 4.ถ้าเป็นเจ้าอาวาสในวัดใหญ่ๆ มีพระมาก และพระเหล่านั้นเจ้าอาวาสเป็นผู้รับมาอยู่วัด จะทำให้พระเหล่านั้นเป็นพวกของเจ้าอาวาส กรณีนี้ถ้าเจ้าอาวาสทำผิดวินัย พระในวัดจะเงียบ
แต่ถ้าพระราชบัญญัติให้สงฆ์มีอำนาจ พระแต่ละรูปสามารถช่วยเจ้าอาวาสทำสิ่งที่ถูกที่ควรได้ นี่คือข้อผิดพลาดที่เกิดจากฝ่ายบ้านเมือง  เราจะเห็นว่าพระพุทธเจ้าทรงนำประชาธิปไตยมาใช้ในพระพุทธศาสนา ระบบให้สงฆ์เป็นใหญ่นี่แหละคือประชาธิปไตย เมื่อสงฆ์ไม่เป็นใหญ่ก็พาให้พระท่านทำผิดได้ ดังนั้นจึงว่าอย่าไปโทษพระท่านเลย เป็นที่ระบบมากกว่า เหมือนทางบ้านเมืองปะไร! เมื่อประเทศชาติไม่เป็นประชาธิปไตยชาวโลกเขาก็ดูแคลน พอจะเป็นประชาธิปไตยผู้มีอาวุธเป็นฐานอำนาจก็ก่อความวุ่นวาย ให้เห็นว่าประชาธิปไตยไม่ดี แล้วก็ยึดอำนาจเสีย เป็นอย่างนี้ชั่วนาตาปี สาธุ! ขอให้นำระบบการปกครองที่พระพุทธเจ้ายกย่องมาใช้ในชินจักร และอาณาจักรเถิด ความร่มเย็นจะได้เกิดขึ้นตลอดกาลนิรันดร
รศ.ทวี ผลสมภพ
ที่มา
 www.matichon.co.th

ไม่มีความคิดเห็น