การต้อนรับปฏิสันถาร เป็นเหตุแห่งความสุข ความเจริญอย่างแท้จริง
“ดูก่อนสารีบุตร ภิกษุเคารพในพระศาสดา จักไม่เคารพในพระธรรม ข้อนี้ ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ภิกษุเคารพในพระศาสดา ชื่อว่าเคารพในธรรมด้วย ภิกษุเคารพในพระศาสดา ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในสิกขา ในสมาธิ(Meditation) ในความไม่ประมาท จักไม่เคารพในปฏิสันถาร ข้อนี้ ไม่เป็นฐานะที่จะมีได้ ภิกษุเคารพในพระศาสดา ในธรรม ในพระสงฆ์ ในสิกขา ในสมาธิ ในความไม่ประมาท ชื่อว่าเคารพในปฏิสันถารด้วย”
* สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้าประทับอยู่ที่พระวิหารเวฬุวัน ใกล้เมืองกิมมิลา ครั้งนั้น ท่านพระกิมมิละเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้ว ได้ทูลถามว่า “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรหนอเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระสัทธรรมไม่ตั้งอยู่นาน ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานไปแล้ว” พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า “ดูก่อนกิมมิละ เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ในพระธรรมวินัยนี้ จะเป็นผู้ไม่เคารพ ไม่ยำเกรงในพระศาสดา ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในสิกขา ในสมาธิ ในความไม่ประมาท ในการปฏิสันถาร ดูก่อนกิมมิละ นี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระสัทธรรมไม่ตั้งอยู่นาน”
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อะไรเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้นาน ในเมื่อพระตถาคตเสด็จปรินิพพานแล้ว” พระบรมศาสดาจึงตรัสตอบว่า “เมื่อตถาคตปรินิพพานแล้ว ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกาในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้มีความเคารพ มีความยำเกรงในพระศาสดา ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในสิกขา ในสมาธิ ในความไม่ประมาท ในการปฏิสันถาร นี้แลเป็นเหตุเป็นปัจจัยให้พระสัทธรรมตั้งอยู่ได้นาน”
เราจะเห็นได้ว่า ความเคารพนั้นสำคัญเพียงใด พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้แล้ว และครั้งนี้จะได้กล่าวถึง อานิสงส์ในการปฏิสันถาร เนื่องจากการต้อนรับปฏิสันถารเป็นสิ่งสำคัญมาก ไม่ว่าผู้มาเยือนจะเป็นใคร มาด้วยวัตถุประสงค์ใด หรือในสถานการณ์ใดก็ตาม หากเราให้การต้อนรับอย่างชาญฉลาด ถือว่าเราสามารถชนะใจคนตั้งแต่เริ่มต้นเลยทีเดียว การต้อนรับด้วยอัธยาศัยอันดีงาม ไม่เพียงแต่เป็นการให้เกียรติแก่ผู้มาเยือนเท่านั้น แต่ยังเป็นสิ่งที่บ่งบอกถึงความสูงส่งแห่งจิตใจของผู้ที่ให้การต้อนรับอีกด้วย นอกจากนี้บรรยากาศอันน่าชื่นใจในการต้อนรับ ยังสามารถปิดช่องว่าง ข้อผิดพลาดบกพร่องต่างๆ และยังสามารถเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้อีกด้วย
ครั้งหนึ่ง พระเถระแห่งคีรีวิหารได้ให้การต้อนรับปฏิสันถารที่ดี ทำให้สามารถพลิกสถานการณ์อันเลวร้ายให้กลายเป็นดีได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในสมัยก่อน ประเทศศรีลังกาเศรษฐกิจตกต่ำ ข้าวยากหมากแพง เกิดความเดือดร้อนทุกหนทุกแห่ง และเกิดมีโจรอยู่ก๊กหนึ่ง คอยดักปล้นจี้ตีชิงข้าวของเงินทอง จนชาวบ้านหวาดกลัว พากันหนีไปอยู่เมืองอนุราธบุรี ทั้งยังไม่กล้าไปกราบไหว้พระเจดีย์ที่คีรีวิหารอย่างที่เคยปฏิบัติกันมา เพราะกลัวภัยจากโจร
วันหนึ่ง พวกโจรเห็นว่า เมื่อไม่สามารถปล้นชาวบ้านได้ เพราะไม่มีใครกล้าผ่านมา ทำให้พวกโจรอดอยาก จึงได้ชักชวนกันไปปล้นวัดคีรีวิหาร เมื่อคนรักษาวัดเห็นโจรยกพวกมา จึงรีบไปกราบเรียนพระเถระ พระเถระถามคนรักษาวัดว่า เรามีข้าวสารอาหารแห้ง เนื้อ ปลา นม เนยหรือไม่ คนรักษาวัดตอบว่า มีแต่ของที่จะถวายสงฆ์เท่านั้น พระเถระจึงสั่งให้นำของเหล่านั้นไปหุงต้มเลี้ยงดูโจร ทั้งกำชับว่า ให้ต้อนรับโจรเหล่านั้นด้วยมารยาทอันดี
เมื่อโจรเหล่านั้นมาถึง พวกเขามิได้คาดคิดว่าจะได้รับการต้อนรับอย่างดีถึงเพียงนี้ เพราะเคยได้รับแต่ความเกลียดชังตลอดมา โจรสมัยก่อนเป็นโจรมีคุณธรรม มีสัจจะ มีความกตัญญู อันที่จริง ทุกคนต่างก็อยากเป็นคนดีกันทั้งนั้น แต่ที่หลงไปทำความชั่ว เพราะไม่รู้ว่าอย่างไรเรียกว่า ความดี จึงปฏิบัติไม่ถูก ทำไปตามอำนาจกิเลส หรือยังมีกำลังใจไม่พอที่จะเอาชนะกิเลส และเป็นเพราะสังคมสิ่งแวดล้อมเหตุการณ์บังคับให้ทำไปอย่างนั้น เป็นต้น
พวกโจรรู้สึกแปลกใจในการต้อนรับนั้น จึงถามคนรักษาวัดว่า “ทำไมต้อนรับพวกเราอย่างดีเช่นนี้” คนรักษาวัดจึงตอบว่า “พระเถรเจ้าอาวาสของเรา เป็นผู้มีความเมตตากับทุกๆคน ท่านเห็นคุณค่าของชีวิตมนุษย์ ให้เกียรติต่อทุกคนด้วยการต้อนรับปฏิสันถารมิได้ขาดแก่ทุกๆ คนอยู่เสมอ” โจรทั้งหลายได้ฟังเช่นนั้น จึงพากันไปกราบพระเถระแล้วกล่าวว่า “ข้าแต่พระคุณเจ้าผู้เจริญ พวกผมมาในครั้งนี้ตั้งใจว่าจะมาปล้นวัดของท่าน แต่นี่กลับได้รับการต้อนรับจากท่านเป็นอย่างดี พวกผมซาบซึ้งใจ และเลื่อมใสในการต้อนรับของท่านเป็นอย่างยิ่ง ไม่คิดว่าในโลกนี้จะมีใครดีต่อพวกผมอย่างนี้ ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป พวกผมขอรับอาสาเป็นผู้รักษาวัด ไม่ให้มีอันตราย ขอพระคุณเจ้าจงป่าวประกาศให้ชาวบ้านมากราบไหว้พระเจดีย์ได้ตามปกติเถิด”
นับแต่นั้นมา ชาวบ้านต่างพากันมาทำบุญถวายทานที่วัดเช่นเดิม โดยมีพวกโจรคอยต้อนรับที่ริมฝั่งแม่น้ำ พาชาวบ้านข้ามฝั่งไปสู่วิหาร เพื่อให้ทำบุญกุศล และกราบไหว้พระเจดีย์ได้ดั่งใจปรารถนา หลังจากชาวบ้านถวายทานแด่พระสงฆ์แล้ว ของที่เหลือก็เก็บไว้ให้โจรกลับใจเหล่านั้น ครั้นถึงเวลากลับ พวกโจรซึ่งเป็นฝ่ายปฏิสันถารก็จะตามไปส่ง โดยให้การอารักขาเป็นอย่างดี ทำให้ชาวบ้านทั้งหลายพากันมาทำบุญให้ทานอย่างต่อเนื่องตลอดมา
เราจะเห็นว่าการต้อนรับ ด้วยการแสดงน้ำใจไมตรีอย่างจริงใจ สามารถเปลี่ยนใจโจรร้ายให้กลายเป็นคนดีได้ และสามารถชี้หนทางสว่างให้กลับใจมาทำความดี อีกทั้งมองเห็นคุณงามความดีในตนเอง จนกระทั่งเลิกทำบาปอกุศลอีกต่อไป สมกับที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยกย่องการต้อนรับปฏิสันถารอันดีว่า เป็นเหตุแห่งความสุข ความเจริญอย่างแท้จริง
ประดุจเอากุญแจวิเศษ แห่งการต้อนรับนี้ ไขประตูใจของผู้ที่มาเยือนให้ได้รับความสุขความปรารถนาดีจากเราเมื่อเราเริ่มต้นด้วยการต้อนรับอย่างอบอุ่นและจริงใจ ความสุขความประทับใจย่อมเกิดขึ้น เขาจะเกิดความเลื่อมใส แล้วเราจะมีความปลื้มปีติใจเป็นรางวัลของชีวิต
ขอบคุณภาพจาก Line กลุ่ม
ไม่มีความคิดเห็น