เสรีพิศุทธ์เผยกรณี "ธรรมกาย" ไพบูลย์ ทำเกินหน้าที่ไม่รู้ไปรับใบสั่งใครมา?
พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า ขอยกตัวอย่างสอนดีเอสไอสักหน่อย สมัยก่อนเวลาจะฝากขังผู้ต้องหา เวลาจับกุมผู้ต้องหาแล้วไปฝากขัง จะฝากขังได้ครั้งละ 12 วัน 7 ครั้ง และระหว่างนั้นตำรวจก็ต้องสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานไป พอถึง 12 วัน เจ้าหน้าที่เรือนจำก็ต้องเอาผู้ต้องหา ผู้ต้องขังมาที่ศาล เพื่อขอฝากขังต่อ ไม่รู้กี่คดีต่อคดีก็ต้องมาศาล ก็ต้องล่ามโซ่ ข้อมือ ข้อเท้า อิรุงตุงนังเพิ่มเจ้าหน้าที่อีกเยอะแยะ หนีไประหว่างทางเจ้าหน้าที่ก็ถูกตั้งกรรมการอีก มันยุ่ง ศาลเลยเปลี่ยนวิธีใหม่ใช้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์อยู่ที่ศาลและอยู่ในคุก ศาลก็จะถามบอกวันนี้ พนักงานสอบสวนมาฝากขังต่อ 12 วัน จะขัดข้องหรือไม่ ทางนั้นไม่ขัดข้องก็ไม่ขัดข้อง
ถ้าขัดข้องก็ตอบมา จากนั้นก็อยู่ที่ดุลพินิจของศาลว่าจะให้ฝากขังต่อหรือไม่ กรณีนี้ก็เหมือนกัน ให้ทางวัดติดวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ มาที่พนักงานสอบสวน ไม่ต้องเข้าไปจับ แล้วก็สอบถามท่าน ว่าท่านจะให้การรับสารภาพหรือปฏิเสธ ถ้าปฏิเสธก็บอกมา รับสารภาพก็บอกมา ก็ถือเป็นพยานหลักฐานได้แล้ว ถ้าปฏิเสธพนักงานสอบสวนก็รวบรวมหลักฐานไป ถ้าท่านไม่มาให้การเพิ่มเติม ถ้าเห็นควรสั่งฟ้องก็ฟ้อง ไม่เห็นจำเป็นจะต้องเอาตัวให้ได้วันนี้เลย
พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ กล่าวต่อว่า แม้แต่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรียุติธรรม ก็มีลักษณะของการกระทำที่เกินหน้าที่ เพราะจริงๆแล้วเป็นหน้าที่ของพนักงานสอบสวน ไม่ใช่หน้าที่ของคนระดับรัฐมนตรีที่จะลงมาแบบนี้ แม้กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เองก็เห็นบอกว่า ยังไม่ยุ่งเลย เพราะกลัวจะลาม แต่ พล.อ.ไพบูลย์ จะเอาอย่างนี้ให้ได้ ไม่รู้ไปรับใบใครสั่งอะไรมา
“พล.อ.ไพบูลย์ใช้กฎหมายไม่เป็น แกเป็นทหาร ฉะนั้นวิธีการมีอีกเยอะที่จะได้ตัวผู้กระทำความผิด ไม่ใช่จะต้องเอากันวันนี้ รอก่อนก็ได้ มันไม่หมดเวลาหรอก มันเป็นคดีแล้วมันยังไม่หมดอายุความ แต่มาทำให้เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโต”พล.ต.อ.เสรีพิสุทธิ์ ระบุ
Shortlink: http://bangkok-today.com/web/KjxLK
ไม่มีความคิดเห็น