ทำไม ดีเอสไอ ต้องเปิดศึกชนเจ้าคุณประสาร ตอนที่ 5
แปลกแต่จริง หนังสือของ ดีเอสไอ เหตุใดจึงระบุไว้ในข้อ ๓ ว่า
>>>สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้รับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวไว้ดำเนินการหรือไม่ อย่างไร และผลการดำเนินการเป็นอย่างไร<<<
สำนักพุทธฯเป็นหน่วยงานของรัฐ ทำงานเป็นอิสระไม่ขึ้นต่อ ดีเอสไอ ดีเอสไอ จะไปสืบสวนจับกุมใคร ก็เป็นเรื่องของดีเอสไอ แต่ทำไม ดีเอสไอ จึงมาสนใจ เรื่องเจ้าคุณประสารว่ามีการร้องเรียนที่สำนักพุทธหรือไม่อย่างไร ถึงจะมีมันก็ไม่เกี่ยวกับ ดีเอสไอ ใช่ไหม
เรื่องที่จะร้องเรียนที่สำนักพุทธ ก็เป็นเรื่องการร้องเรียน ตาม พ.ร.บ.สงฆ์ ไม่ใช่การแจ้งความร้องทุกข์ทางคดีอาญา เพื่อจับพระติดคุก
แล้วดีเอสไอ มาสนใจเรื่องนอกหน้าที่ หรือนอกหน่วยงานทำไม ถ้ามีการร้องเรียนคดีอาญาเจ้าคุณประสารต่อ ดีเอสไอ ดีเอสไอ ก็ใช้อำนาจหน้าที่ของตนเองไปจึงจะชอบด้วยกฏหมาย แล้วทนายขอถามกลับ ดีเอสไอ หน่อยว่า มีใครร้องเรียน ร้องทุกข์กล่าวโทษเจ้าคุณประสาร ต่อดีเอสไอ ในประเด็นนี้หรือไม่
ดังนั้นหนังสือของ ดีเอสไอ ที่มีไปถึงสำนักพุทธ ฯ ทนายขอเดาแบบหมอดูแม่นๆ เป็นแค่หนังสือสงครามจิต ที่ทำให้เจ้าคุณประสารและพระสงฆ์องค์อื่นๆ เกิดความเกรงกลัว ไม่กล้าขยับเขยี้อย
ทนายสงสารก็แต่ว่าที่สมเด็จพระสังฆราช ต้องตกเป็นเหยื่อทางการเมือง ถูกให้ร้ายป้ายสีต่างๆ แต่เมื่อเอาผิดไม่ได้ ก็เอาคนใกล้ตัวไปแทน แบบตีวัวกระทบคราด หรือเชีอดไก่ให้ลิงดู
เราชาวพุทธก็แสนดี อดทน เชื่อฟัง แต่อำนาจถ้าใช้ผิดหรือใช้เกินก็เสื่อมลงเรื่อยๆ หลังเสื่อขี่ได้ไม่นานก็ต้องลง เวลาลงแล้วก็กลายเป็นคนธรรมดา ไร้บารมี ไม่มีเกาะคุ้มกัน แถมเสือที่เคยขี่จะกลับมาขย้ำสั่งสอนเอาคืนบ้าง
แต่แปลกนะพวกนี้เวลาตาย ก็ถูกหามไปทำพิธีทางศาสนาพุทธทุกคน แถมนิมนต์พระมาสวด แต่เวลาอยู่กลับจะกระทืบพระเล่นซะงั้น
หนังสือฉบับเดียวทนายเขียนเป็นตอนๆ ถึง 5 ตอน คิดว่า คงพอแค่นี้ แต่ทนายไม่พอที่จะหยุดช่วยศาสนาพุทธของพวกเราชาวไทยแน่นอน
ไม่มีความคิดเห็น