ไม่เคยมียุคใด ที่พระผู้อุทิศชีวิตเพื่อโลกและศาสนาจะถูกดำเนินคดี รับของโจร

มารพุทธศาสนา ให้สัมภาษณ์ว่า......... "น่าจะมีการสั่งคดี พระธัมมชโยได้ใน วันที่ 7 พ.ย.59 นี้ ฟ้องต่อศาลยุติธรรม เพื่อให้ความเป็นธรรมกับประชาชน ผู้ฝากเงินสหกรณ์คลองจั่น"

อ่านบทสัมภาษณ์นี้คนไม่รู้ความจริง ก็อาจคล้อยตามคำให้สัมภาษณ์ได้ แต่สำหรับคนที่รู้ความจริงจะรู้สึกสะเทือนใจเป็นที่สุดนับตั้งแต่มีประเทศไทย บนแผนที่โลกกลมๆใบนี้

ไม่เคยมียุคไหนที่พระผู้อุทิศชีวิต เพื่อสร้างคุณประโยชน์ให้กับโลกและ พุทธศาสนาจะโดนข้อหา ร่วมกันฟอกเงินและรับของโจร พึ่งมียุคนี้ยุคแรก

เป็นยุคที่พระพุทธศาสนา ถูกชำเราอย่างหนัก เหตุที่ต้องกล่าว อย่างนั้นก็เพราะว่า ดูเหมือนข้อหานี้
จะถูกเลือกปฏิบัติกับวัดพระธรรมกายที่เดียวเท่านั้น

นายศุภชัยได้บริจาคเงินให้ กับองค์กรต่างๆไม่น้อยกว่า 11 องค์กร รวมเป็นเงินประมาณหมื่นกว่าล้านบาท เฉพาะวัดพระธรรมกายประมาณ 1,000 ล้านบาท ที่เหลือมีความเกี่ยว โยงกับนักการเมือง และองค์กรต่างๆ

แต่ที่แปลกก็คืออีก 10 องค์กรที่เหลือ ไม่เคยได้ยินข่าวคราว ความคืบหน้า เลยแม้เพียงครั้งเดียวว่าการดำเนินคดี ไปถึงไหนแล้ว ไม่มีใครเคยรู้เลย?

ที่สำคัญจะบอกว่า ต้องสั่งคดีฟ้องศาล เพื่อให้ความเป็นธรรม กับประชาชนที่ ฝากเงินกับสหกรณ์คลองจั่น กระไรได้ในเมื่อส่วนที่บริจาคให้วัด ทางลูกศิษย์ได้ช่วยเหลือเยียวยาคืนตามจำนวนแล้ว

ถ้าจะฟ้องเพื่อให้ความเป็นธรรม กับประชาชนที่ฝากเงิน ที่ถูกต้องควร ฟ้องกับองค์กรที่เหลือเหล่านั้น เพราะเงินอีกหมื่นล้าน อยู่ที่นั่นมิใช่หรือ?

แต่นี่เจาะจงเล่นงานวัดพระธรรมกายอย่างเดียว ทำให้เข้าใจได้ว่า มีเจตนากลั่นแกล้งวัด ก็เพื่อทำให้พุทธศาสนาเสื่อมเสีย ยิ่งกรณีคดีของวัดพระธรรมกาย ที่ไปสอดคล้องกับ คดีสมเด็จวัดปากน้ำด้วยทำให้อดคิดไม่ได้ว่านี่คือแผนหนึ่ง ในการทำลายพุทธศาสนาในเมืองไทย คงมีเพียงวิธีการเดียวเท่านั้น ที่จะทำให้ชาวพุทธไม่มีความสงสัยว่า นี่เป็นแผนทำลายศาสนาพุทธก็คือ

ถ้าฟ้องวัด ก็ต้องฟ้ององค์กรทั้งหมดด้วย

เพราะรับเงินบริจาคจากคนเดียวกัน ถ้าไม่สั่งคดีฟ้ององค์กรเหล่านั้น เพื่อเริ่มต้น เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก็ไม่สมควรฟ้อง วัดพระธรรมกายด้วย

ถ้ามิเช่นนั้นแล้วนอกจากประชาชน จะเชื่อว่านี่คือแผน ทำลายศาสนาพุทธ แล้วยังเชื่อว่ามีการเลือกปฏิบัติอีกด้วย หากเป็นเช่นนั้นจะมีกฎหมายเพื่ออะไร

Cr : เรชุงปะ ศิวโมกข์