อยู่มาวันหนึ่ง ตอนนั้นเป็นเณรเล็กๆ อยู่เหมือนเดิมนั่นแหละ อายุ สิบสอง สิบสาม สิบสี่ สิบห้านั่นแหละ โตมาในวัดปากน้ำ ปฏิบัติเล่าเรียนจากที่นั่น อาตมาก็ขำอยู่วันหนึ่ง วัดปากน้ำนี่เขาบิดขวานะเวลาห่มจีวรเขาบิดขวา ทุกคนจะต้องบิดมาทางขวาเพราะว่าสมเด็จป๋าสมัยก่อนซึ่งเป็นหลานหลวงพ่อวัดปากน้ำสมัยนั้นอาตมามาทันนะ เออ...ซึ่งท่านก็ไปเยี่ยมวัดปากน้ำ สมเด็จป๋าวัดโพธิ์เนี่ยนะ องค์ก่อนโน้น เป็นสังฆราชท่านก็มีนโยบายเราเป็นมหานิกายต้องบิดขวานะ ให้มันต่างจากธรรมยุต เรามีข้อวัตรปฏิบัติไม่เหมือนเขา การห่มจีวรก็ไม่เหมือนเขาก็ต้องบิดขวา เพราะฉะนั้นวัดปากน้ำจะต้องบิดขวา ห่มบิดขวากัน เวลาห่มคลุมก็จะเป็นห่มมังกรเนี่ยเอามายัดไว้ใต้รักแร้ซ้ายแล้วก็บิดขึ้นบนไหล่
ห่มมังกร คือมหานิกาย วันหนึ่งขำที่สุดเลย อาตมาก็ดื้อน่าดู ตอนเป็นเณร จะต้องไปธุระนอกวัด พอฉันเสร็จแล้วก็ห่มจีวร แทนที่จะบิดขวาเหมือนกฎระเบียบของวัด อาตมาดื้อขัดระเบียบ ละเมิด อาตมาห่มบิดซ้ายนะสิ เดินออกจากวัดปากน้ำไปที่วัดขุนจันทร์เพื่อที่จะไปขึ้นรถที่ตลาดพลู ที่สตาร์ทรถอยู่ตรงนั้น พอดีไปเจอหลวงพ่อบนสะพานโค้งใหญ่ มันเป็นสะพานข้ามคลอง ที่วัดขุนจันทร์ วัดหมู มันมีอยู่ 3วัดติดๆกัน วัดหมู วัดขุนจันทร์ วัดอัปสรสวรรค์ แล้วก็วัดปากน้ำ มีวัดติดๆ กันเลย ข้ามคลองไปเท่านั้น เราอยู่ลึกไปหน่อยเป็นวัดปากน้ำ อาตมาไปจ๊ะเอ๋กับหลวงพ่อบนสะพาน เราสำนึกผิดทันทีว่าเรากำลังละเมิดวินัย กฎระเบียบของวัด อาตมาก็ไม่รู้จะทำยังไง กลัวหลวงพ่อจะด ุความที่หน้ามันบางอาตมาก็ทำหน้ากะล่อมกะแล่ม หลวงพ่อเดินมาจ๊ะเอ๋พอดี เราก็รีบเอาจีวรลดไหล่ลงแสดงความเคารพ เสร็จแล้วก็รีบบิดขวาทันที ต่อหน้าต่อตากลับลำได้ทันหลวงพ่อก็รู้กลัวเราอาย เสร็จแล้วหลวงพ่อก็ยิ้มๆ ปกติ หลวงพ่อจะไม่ยิ้ม ท่านเป็นคนที่อยู่ในฌานสมาบัตินะ ท่านไม่ค่อยจะเปลี่ยนอาการของท่านบ่อยๆ ขึ้นๆ ลงๆ เลย...
แต่ท่านชอบหัวเราะ...ในเทป มีเสียงของท่าน เวลาท่านพูดอะไร ท่านจะชอบหัวเราะแบบที่เป็นกำลังใจแล้วก็ให้ความเบิกบานแจ่มใสแก่ผู้ฟัง ให้ความเป็นกันเองแก่ญาติโยม หัวเราะแฮะๆ อาตมาก็ทำไม่เหมือนนะ ปกตินอกเหนือจากนั้น ท่านจะไม่ค่อยยิ้ม ไม่ค่อยหัวเราะ ท่านจะอยู่ในฌาน เวลาเดินไปไหน ออกจากโบสถ์คล้ายๆกับว่าท่านอยู่ในสมาธิอยู่เรื่อยเลยเป็นสิ่งที่แปลก นั่นคือประสบการณ์ที่อาตมาละเมิดกฎของวัด ห่มจีวรไม่บิดขวากับบิดซ้ายไปเจอหลวงพ่อ หลวงพ่อไม่ว่าอะไรหรอก สามเณรนี่จำได้หมดแหละสามเณรที่นั่งฉันอาหารอยู่ด้วยกันมีอยู่สององค์ซึ่งเป็นหัวแก้วหัวแหวนของหลวงพ่อเลยเพราะเป็นสามเณรธรรมกาย เณรองค์นี้ตัวเท่ากัน ซึ่งเขาเป็นคนรูปร่างสะอาดมาก ผิวพรรณงดงามขาว ชื่อเณรจุลณี และมีหลวงพี่โนรีอยู่ในโบสถ์ด้วยกัน หลวงพี่โนรีมีเมตตาธรรมแล้วก็อยู่ด้วยกันมาโอ้โหนับสิบปี จำวัดอยู่ในโบสถ์ด้วยกัน แล้วก็อาศัยโบสถ์รับผิดชอบงานทุกอย่าง โบสถ์เป็นที่ประกอบพิธีกรรม
อาตมาลาสิกขาตอนอายุ 25ปี ไปเรียนนิติศาสตร์ รามคำแหง พอจบปริญญาตรีก็ไปต่อปริญญาโท ปริญญาเอกด้านกฎหมายที่มหาวิทยาลัยอิลินอย สหรัฐอเมริกา แล้วกลับมาบวชอีกครั้ง ในปี 2538 มีหลวงพ่อพระเทพกิตติปัญญาคุณ จิตตภาวัน บวชให้ ก็ขอทำหน้าที่ลูกศิษย์ทายาทธรรมของหลวงพ่อให้ดีที่สุด
Cr : สิงหล เพจบุคคลยุคต้นวิชชา
บทความจากหนังสือบุคคลยุคต้นวิชชา ตอนที่ 65 (เรื่องเล่าโดย พระมหาดร.ทวนชัย อธิจิตโต)
คลิกฟัง File เสียง บุคคลยุคต้นวิชชา ตอนที่ 65
ไม่มีความคิดเห็น