ใต้ร่มบารมีหลวงพ่อ อาตมาเกิดปี ๒๔๘๓ เมื่อก่อนเป็นเณรตัวเล็กๆ จบชั้น ป.๔ บ้านเกิดเมืองนอนอยู่จังหวัดนครราชสีมา อำเภอพิมาย บ้านท่าหลวง คือมันมีเรื่องมหัศจรรย์ สมัยที่หลวงพ่อวัดปากน้ำ ยังมีชีวิตอยู่นั้น ท่านมีเมตตาเลี้ยงดูพระเณร แล้วก็กระจายชื่อเสียงความเมตตาไปทั่วประเทศไทย ทั่วโลกก็ว่าได้ อาตมาเป็นผลิตผลองค์น้อยๆ องค์หนึ่ง ซึ่งมีบุญเกี่ยวพันกับหลวงพ่อ มาโดยที่ไม่ได้รู้จัก ไม่เคยมากรุงเทพฯเลย อยู่ในป่าในดงห่างไกลความเจริญ แต่มีพระที่มาปฏิบัติธรรมกาย อยู่ที่วัดปากน้ำเป็นพระธุดงค์ จะมีพระทั่วประเทศมาปฏิบัติธรรมสายธรรมกายของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ที่หลวงพ่อรับผิดชอบสอนอยู่ แล้วกลับไปประพฤติปฏิบัติตามสถานที่ต่างๆ แล้วองค์นี้ก็เหมือนกัน ท่านกลับไปนครราชสีมา อาตมาตอนนั้นจบชั้น ป.๔ บวชเป็นสามเณรเรียบร้อยแล้ว ท่านเห็นมีลักษณะดี พระธุดงค์เลยบอกว่า
“สามเณร อยากศึษาเล่าเรียน ก็ให้ไปวัดปากน้ำภาษีเจริญนะ ตลาดพลูนั่นแหละไปไม่ยากหรอก นครราชสีมา ไปหัวลำโพงเอง"
อาตมาก็ไม่เคยมา เป็นเณรยังเด็กด้วย แต่ด้วยบุญบารมีของหลวงพ่อวัดปากน้ำ มีฤทธิ์มีเดช ท่านสามารถทำให้อาตมาตัดสินใจ โดยที่ยังเป็นเด็กอยู่เลย แปลกเหมือนกัน ปุ๊ปปั๊ปก็บอกว่าจะไปหาหลวงพ่อวัดปากน้ำ ใครห้ามก็ไม่ได้ ซึ่งมันเป็นประสบการณ์ที่แปลก ไม่มีใครเขาทำกัน ซึ่งบารมีและแรงดลใจของท่าน ท่านคงจะรู้ว่าเราคงจะมีประสิทธิภาพ ที่จะช่วยงานพระศาสนา ช่วยงานหลวงพ่อ ช่วยกอบกู้เกียรติชื่อเสียงหลวงพ่อ และช่วยกอบกู้พระศาสนาด้วย ก็ตัดสินใจขึ้นรถไฟจาก อ.พิมาย มาที่ จ นครราชสีมา ตอนนั้นปี พ.ศ.๒๔๙๕ อายุ ๑๒ ปีนั่งรถไฟ มาถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง เราก็ไม่เคยนั่งแต่ด้วยบารมีของท่านคุ้มครองมา คอยป้องกันจนกระทั่งมาถึงหัวลำโพงก็ห้าโมงเย็น ไอ้เราก็ไม่เคยไปต่างจังหวัด ไม่เคยออกจากบ้าน ไม่รู้จะไปไหน พอลงจากหัวลำโพงแล้ว พอดีท่านก็ดลบันดาลให้พระชื่อว่า พระมหามาโนช ซึ่งไม่รู้ว่าท่านมรณะหรือยังตอนนี้ ท่านเดินผ่านมา เราก็บอกท่านว่า
"หลวงพี่ สิไปไหนเล่า" พูดภาษาโคราช ท่านก็บอกว่า
"จะไปวัดปากน้ำ" นี่มันมหัศจรรย์ขึ้นแล้ว เราก็จะไปวัดปากน้ำ หลวงพี่ก็จะไปวัดปากน้ำเห็นมั้ยนี่ หลวงพ่อท่านดลบันดาลให้ เราก็บอกว่า
"ผมขอไปด้วยได้ใหมครับ" พูดภาษากรุงเทพก็ไม่เป็น ตอนนั้นใช้ ภาษาอีสาน ภาษานครราชสีมาซึ่งมันเป็นไทเบิ้ง มันก็ไม่ใช่ไทยแล้วก็ไม่ใช่ภาษาลาว เราคงเข้าใจกันดี หลวงพี่ก็บอกว่า
"ไปซิ ไปเณร ไปด้วยกันเลย"
ท่านก็รับไป พอถึงตลาดพลู ก็มืดค่ำฟ้าก็มืดเราก็ลงเดินตามท่านไปที่วัดปากน้ำ ก็มาด้วยดีแบบปาฏิหาริย์ เหมือนเทวดานำส่ง พอถึงแล้วท่านก็บอกว่า ถึงแล้ววัดปากน้ำ แล้วท่านก็เดินไปที่กุฏิของท่าน ท่านก็ไม่ได้บอกว่าให้สามเณรไปที่ไหน ไอ้เราพอถึงหลวงพ่อแล้วก็ดีใจสิ นี่หรือวัดปากนำ้ หลวงพ่อวัดปากน้ำที่มีชื่อเสียง ก็ตัดสินใจเดินไปที่โบสถ์ ที่โบสถ์มีผู้นำ เขาเรียกว่าเป็นผู้นำ พระเรียกว่าหลวงพี่เขียน ชื่อเขียน อาตมาก็อุ้มบาตร ห่มจีวรตัวเล็กๆ เดินยังไม่คล่องเพราะว่ายังเล็กอยู่นะ เสร็จแล้วก็ไปที่โบสถ์ ไปนั่งพักอยู่ ก็ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหน เพราะยังเล็กอยู่นะ ความเป็นเด็กบ้านนอก พูดจาก็ไม่เก่ง สังคมไม่เป็น ก็ไปนั่งอยู่ที่เจดีย์ ก็ไปนั่งอยู่ตรงหน้าโบสถ์จนกระทั่งมืด ค่ำ หลวงพ่อออกรับแขกตอนห้าโมงเย็น เราก็ไม่รู้ว่าหลวงพ่ออยู่ที่ไหน ความไม่กล้า เป็นเด็กก็นั่งเฉยอยู่ เกือบจะร้องไห้แล้ว ก็ไม่รู้นี่ฉันมายังไง ทำนองว่าหลงมา กรรมเวรอะไรหนอ ต้องมาอยู่เดียวดาย ไม่มีพ่อแม่ดูแล ไม่มีใครคอยช่วยเหลือ ก็นั่งนึกอยู่ ประเดี๋ยวเดียวก็มีพระมาเจอ ก็ถามว่า
"เณรมาจากไหน"
"ผมมาจากโคราชครับ"
"จะไปไหน"
"สิมาอยู่วัดปากน้ำครับ"
"เอ้านี่แหละวัดปากน้ำ จะมาอยู่วัดปากน้ำ ก็ต้องไปพบหลวงพ่อเจ้าอาวาสก่อนสิ"
"ครับ หลวงพ่ออยู่ไหมครับ"
"โน่น ท่านกำลังรับแขก"
สมัยก่อนมีโยมอุปัฏฐากอยู่สองคน คนหนึ่งดำ คนหนึ่งขาว ประยูรนั้นคนขาว คนดำนั่นชื่อเปล่ง เสร็จแล้วก็เดินทางเข้าไปกราบหลวงพ่อ ตอนนั้นมีผู้ใหญ่มาพบท่านเป็นประจำ เป็นกิจวัตร ท่านจะออกไปรับแขกตอนห้าโมงเย็นแล้วก็มีอาสนะ โยมยูร (ลุงประยูร) เขาจัดไว้ตรงกุฏิหลังเก่า แล้วก็มีรั้วสังกะสีมีประตูเก่าๆ ท่านใช้เป็นที่รับแขก อาตมาก็เดินไป พอถึงประตูเห็นท่านรับแขกอยู่ ตอนนั้นมีท่านมหาเป็นเปรียญธรรมสูงมากเลย เข้าไปคุยกับท่านไปเถียงธรรมะกัน เราก็เข้าไปนั่งก้มกราบท่าน พอกราบเสร็จแล้วท่านนั่ง อยู่บนเก้าอี้ เราก็เข้าไปด้านซ้ายของท่าน ด้านติดประตู เข้าไปกราบเสร็แล้ว ท่านก็หันมาถาม
"เออ เณร มาจากไหน" รู้สึกว่าท่านจะเมตตามากเลย
"ผมมาจากนครราชสีมาครับ"
"จะไปไหนละ"
"จะมาอยู่วัดปากน้ำครับ"
"เออ งั้นก็รับๆ ไว้"
"มีที่พักหรือยังละ" ท่านถาม
"ผมอยู่ในโบสถ์ครับ"
"เออดีแล้ว อยู่กับท่านเขียนนะ"
ท่านก็รับไว้เรียบร้อยนะ แค่นี่เอง เป็นเรื่องประหลาด ว่องไว ได้พบท่านตามเจตนาที่มา นั่งรถไฟมาตั้งแต่เช้า มาถึงนี่ก็หนึ่งทุ่มแล้ว นี่ก็ได้อยู่วัดปากน้ำ เป็นอันว่ารับตัวมาวัดปากน้ำเรียบร้อยแล้ว
Cr : สิงหล เพจบุคคลยุคต้นวิชชา
ไม่มีความคิดเห็น