ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

ลุงเตชวัน มณีวรรณวรวุฒิ อดีตสามเณรจุลณี เล่าเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตอนที่ 3

ลุงเตชวัน มณีวรรณวรวุฒิ อดีตสามเณรจุลณี เล่าเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตอนที่ 3

ทีนี้มีเรื่องสำคัญอยู่เรื่องหนึ่งในโรงงานทำวิชชา พอหลวงพ่อท่านสอนลูกคนใหม่ๆ เสร็จเรียบร้อย ไปกันหมดแล้ว หลวงพ่อท่านก็ปรึกษากับคณะทำวิชชา มีแม่ชีจันทร์ ครูญาณี แม่ชีปุก มีพระอยู่ด้วยนะ มีพระอยู่ ๓ องค์แต่จำไมได้ว่าพระอะไร พระอาวุโสทั้งนั้นเลย ปรึกษากันไปด้วย ทำวิชชากันไปด้วย ก็ปรึกษากันว่า "จะทำยังไงโลกเรามันจะแตกนะ" พูดถึงสายขาวกับสายดำ "เราจะชนะมารมั้ยเนี้ย" มารก็คือสายดำ สายขาวหมายถึงเรา

“ เรานี่แหละจะต่อสู้ให้เมืองมนุษย์อยู่สืบต่อไป วิชชาธรรมกายเรียนไม่หมด ตายแล้วเกิดใหม่ก็ยังเรียนไม่จบ ”

ท่านว่าอย่างนี้ เพราะฉะนั้นเราต้องทำวิชชากันต่อไป แล้วถ้าหากแพ้อะไรจะเกิดขึ้น ก็มีแม่ชีปุกกับครูญาณีก็บอกว่า หนูจะเป็นผู้ยืนหยัดทำวิชชากับหลวงพ่อ แล้วท่านก็ไล่เบี้ยว่า

“ เอ้....แล้วเอ็งจะทำได้มั้ยเนี้ย ตอนหลวงพ่ออยู่ก็ตอบได้ว่าเจ้าค่ะ เจ้าขา พอต่อมากลัวจะทำไมได้ เอ้า...เราจะทำอย่างไรดีว่ะ ” ท่านก็จะถาม ”แม่ชีจันทร์” แม่ชีปุกและครูญาณี ครูญาณีใกล้ชิดกับหลวงพ่อมาก ตอนนั้นครูญาณียังไม่บวชชี นุ่งดำห่มขาวเป็นครูไปสอนที่โรงเรียนด้วย มาบวชเอาตอนช่วงหลังๆ หลวงพ่อท่านจะย้ำถาม เหมือนตอกหัวตะปูว่าจะทำยังไงบ้าง แม่ชีก็ตอบว่า เราต้องรื้อสัตว์ขนสัตว์เจ้าคะ หลวงพ่อบอกให้ลูกรื้อสัตว์ขนสัตว์เพื่อให้พ้นมาร แล้วต่อไปจะได้พบกับจักรพรรดิ ท่านก็พูดอย่างนี้นะ ตอนนั้นเป็นเด็กก็ยังไม่เข้าใจไม่รู้อะไรเป็นอะไร หมายถึงว่า เราไม่รู้ว่าจักรพรรดิคืออะไร มาจากไหนผมก็ไม่เข้าใจ ครูญาณีก็ถามหลวงพ่อว่า

คนมาสืบทอดอยู่ที่ไหนในเมืองมนุษย์ หลวงพ่อบอกว่า ในเมืองมนุษย์ไม่มี หลวงพ่อจะไปอาราธนามาจากชั้นดุสิต วิชชาของหลวงพ่อนี้เรียนไม่จบ ไม่รู้จักหมดด้วย เรียนแล้วเกิด เกิดแล้วตาย ก็ยังเรียนไม่จบ ท่านบอกกับผมว่า " ไอ้จุลณีมึงรู้หมด ชาตินี้มึงจะขนาดไหนวะนี่ " แล้วท่านก็บอกว่า

“ ผู้สืบทอดจะมาเรียนวิชชาของหลวงพ่อ มาทำวิชชาต่อเพื่อไม่ให้มารมาลบล้าง วิชชาของหลวงพ่อจะไม่มีหมด ตรงนี้มันคือรอยต่อ ถ้าหากว่าไม่มีใครสืบทอด วิชชาหลวงพ่อก็จะหมด เพราะมารมันบังหมด นอกจากหลวงพ่อต้องกลับมาเกิดอีก แล้วมาทำวิชชาอีก ถ้าหากว่า ตรงนี้รอดพ้นจากมารไปได้ เราก็ไม่ต้องเกิดอีก ” ท่านพูดอย่างนี้นะ ท่านบอกว่า ต้องไปนิมนต์มา จากชั้นดุสิต คนนี้เป็นคนที่มีบุญญาธิการ ผิวจะดีมาก รูปร่างดี หน้าตาจะสวยมากอย่างกับเทพบุตร ท่านบอกว่าลักษณะเหมือนเทพบุตรแล้วองค์นี้จะเผยแผ่วิชชาธรรมกายไปทั่วโลก และจักรวาลเลย

ผู้สืบทอดจะมาสร้างสถานที่ที่ไม่ค่อยจะเหมือนวัดไทยเท่าไร แต่คนทั้งโลกจะเข้าใจได้ว่า เป็นสถานปฏิบัติธรรม คนจะมากันมาก มาทำวิชชา มากันทั่วโลก เราจะเป็นแม่ทัพใหญ่ในฝ่ายขาว สถานที่นี้จะอยู่ทางทิศเหนือไม่ใกล้ไม่ไกล พอไปพอมาจากวัดปากน้ำ องค์นี้จะมารับวิชชา จากหลวงพ่อไป แล้วท่านก็บอกว่า

“ พ่อนี้ อยู่ไม่ทันหรอก อยู่ไม่ถึงจังหวะนั้น ” แล้วหลวงพ่อก็ยังหันมาทางผมด้วยบอกว่า “ ให้เราเร่งทำวิชชาด้วยจะได้ช่วยเขา วิชชาของหลวงพ่อจะได้สำเร็จลุล่วงไปได้ ” ท่านยังบอกผมอีกว่า อายุผม ถ้ามีบารมีก็จะไปถึง ๘๐ หรอกนะ แต่ถ้าไม่ปฏิบัติและยังดื้อดึงอยู่ เต็มที่ก็ ๗๕ เท่านั้น ตอนนั้นถือได้ว่าผมเป็นลูกคนเล็กสุดในวิชชาธรรมกาย เพราะเป็นเณรอายุน้อยที่สุด หลวงพ่อท่านบอกว่า

“ ไอ้จุลณีเอ้ย! เอ็งเป็นลูกคนสุดท้องนะ มึงต้องปฏิบัติ ทำวิชชากับหลวงพ่อให้มากที่สุดนะ ไม่งั้นมึงจะเข้าไม่ถึงท่าน ที่มาสืบทอดวิชชา มันต้องรื้อสัตว์ขนสัตวให้ต่อเนื่องกับท่านให้ได้ ได้แก้วแล้วอย่าเอาไปเขวี้ยงเข้าป่าเสียนะ ต้องทำตัวเป็นผ้าขี้ริ้วเช็ดเท้า อย่าแข็งกระด้าง ”
โดย : สิงหล เพจบุคคลยุคต้นวิชชา

ไม่มีความคิดเห็น