เมื่อเรายังข้ามวัฏสงสารไม่ได้ เราก็ต้องสร้างความปลอดภัยในการข้ามวัฏสงสาร เพื่อมุ่งไปสู่ที่สุดแห่งธรรมให้แก่ตัวเราเอง
ถ้าเราขยันสร้างบุญ เราก็จะมีพร้อมทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และ มรรคผลนิพพาน เพื่อเป็นอุปกรณ์ในการสร้างบารมีอย่างตลอดรอดฝั่งไปถึงที่สุดแห่งธรรม
เมื่อบารมีแก่รอบ ถึงคราวออกบวช ประพฤติพรหมจรรย์ ก็จะมีพร้อมทั้ง 3 ป. คือ ปริยัติ ปฏิบัติ ปฏิเวธ
ถ้าเราชวนคนทำความดีก็จะมีพิเศษแถมมาอีกหนึ่งคือเทศนา เพราะการเทศนาคือการพูดให้ชนะใจคน ชนะทั้งโลภะ โทสะ โมหะ มิจฉาทิฐิ นิวรณ์ 5 อวิชา ที่ปิดบังดวงปัญญาในใจคน จึงต้องมีปฏิสัมภิทาญาณ 4 ในการเทศนา เป็นพิเศษเพิ่มขึ้นมา เพื่อใช้เทศนาขจัดความมืดในใจคน
แต่ถ้าเราขี้เกียจสร้างบุญ ใช้บุญเก่าไปเรื่อยๆ จนกระทั่งบุญหมดเมื่อไร เราก็จะได้เหมือนกัน ซึ่งสรุปเหลือสั้นๆ เพียง 3 คำ นั่นคือ จน เจ็บ โง่
ชีวิตในวัฏสงสารมีภัยมากอยู่แล้ว หากยังเพิ่มความจน ความเจ็บ ความโง่เข้าไปอีก แล้วจะข้ามวัฏสงสารได้อย่างไร การมุ่งไปที่สุดแห่งธรรมจึงไม่ต้องพูดถึง
เราต้องรักตัวเองให้มากๆ ขยันสร้างบุญให้สุดความสามารถทั้งทำทาน รักษาศีล เจริญภาวนา สวดมนต์ไหว้พระ ฟังธรรม ดูแลเสนาสนะให้สะอาดเรียบร้อย ปลูกฝังสัมมาทิฐิให้ตัวเอง ชวนลูกหลานสร้างความดีอยู่เสมอ
ดังนั้น บุญอะไรที่ทำได้ก็ทำอย่างดีที่สุด ทำอย่างสุดความสามารถ ทำด้วยความรอบคอบไม่ประมาท ทำด้วยความปลื้มปีติเบิกบานใจทั้งเบื้องต้น เบื้องกลาง เบื้องปลาย เพื่อเป็นหลักประกันว่าภพชาติต่อไปเบื้องหน้า เราจะไม่ย้อนกลับมาเจ็บ จน โง่ อีกแล้วอย่างเด็ดขาด มีแต่มุ่งหน้าไปที่สุดแห่งธรรมอย่างองอาจสง่างามเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
----------------------------
5 มิถุนายน 2564
9.45 น.
ธรรมะจากพระอาจารย์
Cr. https://www.facebook.com/tchinungkuro/posts/4567925833236183
ไม่มีความคิดเห็น