เราอาจไม่ได้เลื่อมใสระบบสมณศักดิ์ พัดยศ เจ้าคณะ แต่ครั้งนี้คนที่เลื่อมใสจะได้เห็นพิษสง พรบ.สงฆ์ 2561 การใช้อำนาจตามอำเภอใจมันจะแยกคณะสงฆ์ออกจากความเลื่อมใสศรัทธา ได้เห็นว่าคณะสงฆ์ที่ขึ้นต่อรัฐ ที่อยู่ใต้อำนาจ ถูกแยกไปจากความเคารพนับถือของประชาชน ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เดี๋ยวคงมีเจ้าคณะ "ตั๋วช้าง" ตั้งกันสนุก จะได้ตระหนักกันเสียทีว่า แยกสงฆ์ออกจากรัฐเสียเถอะ ปกครองกันเองด้วยพระธรรมวินัย ไม่ใช่กลายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แผนกอบรมสั่งสอนประชาชนให้เชื่อฟังอำนาจ ได้รับเงินนิตยภัต ได้เงินอุดหนุน แล้วอยู่ใต้อำนาจรัฐไม่รู้ตัว
รู้ตัวอีกทีก็แบบพวกพระมหานิกายสายสมเด็จเกี่ยวนั่นไง โดนเล่นงาน "เงินทอนวัด" ทั้งที่ไม่ได้ทุจริต แต่โดนข้อหารับเงินอุดหนุนจากรัฐแล้วเอาไปใช้ผิดประเภท เช่นเอาเงินศึกษาปริยัติธรรมไปสร้างโบสถ์ = ฟอกเงิน รับเงินเดือน (นิตยภัต) = เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่พวกนี้ก็ไม่คิดสู้ (ทั้งที่รู้ว่าใครทำ) พวกลูกศิษย์ล้นหลาม ก็ขอแค่ให้ได้บวชใหม่ กลับไปปลุกความคลั่งพุทธ หาว่ารัฐอุดหนุนอิสลาม ทั้งที่หลักการเดียวกัน เมื่อให้เงินเดือนเจ้าคณะจังหวัดอำเภอก็ต้องให้เงินเดือนโต๊ะอิหม่าม ที่ถูกคือต้องแยกศาสนาจากรัฐไปเลย ไม่ต้องใช้เงินรัฐ วัดมัสยิดไปหาเงินบริจาคเอาเอง
ศาสนา พระ เป็นเรื่องของศรัทธา ไม่ใช่อำนาจ เช่นเดียวกับมาบังคับให้รักพ่อ=รักลูกไม่ได้นะ ใช้อำนาจบังคับจากที่คนนับถือพระรูปนี้ ให้ย้ายไปนับถือรูปนี้ ตามคำสั่งแต่งตั้งคณะจังหวัด มันเป็นไปไม่ได้ ยิ่งใช้อำนาจยิ่งทำสงครามกับความศรัทธา นี่ยังดีนะ พวกสายพระ พวกศิษยานุศิษย์ ส่วนใหญ่ไม่กล้าหือ ทีแรกที่โวยวายคงไม่รู้เบื้องหลัง พอรู้แล้วพวกพระก็หัวหด วัดโสธรเลิกล่ารายชื่อ แต่ความไม่พอใจมันไม่หยุดยั้งหรอก มันกระจายไปกว้างในวงซุบซิบนินทา
Cr : Atukkit Sawangsuk
ไม่มีความคิดเห็น