ปลดเจ้าคณะจังหวัด พิจารณาโดยธรรมแล้วหรือ?

-:- ปลดเจ้าคณะจังหวัด พิจารณาโดยธรรมแล้วหรือ?-:- ช่วงที่ผ่านมา ในวงการคณะสงฆ์คงจะไม่มีข่าวใดเป็นที่ฮือฮา และถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก เ...

-:- ปลดเจ้าคณะจังหวัด พิจารณาโดยธรรมแล้วหรือ?-:-

ช่วงที่ผ่านมา ในวงการคณะสงฆ์คงจะไม่มีข่าวใดเป็นที่ฮือฮา และถูกวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก เท่ากับข่าว ปลดเจ้าคณะจังหวัด 3 แห่ง เหตุจากการมีคำสั่งถอดถอน แต่ไม่มีการสอบสวนใดๆ อีกทั้งในคำสั่งถอดถอนนั้น ก็ไม่มีเหตุผล ไม่มีการแจ้งรายละเอียดของความผิดแต่อย่างใด เพราะความเป็นห่วงในสถานการณ์อย่างนี้ ในใจก็มีคำถามขึ้นมาว่า เกิดอะไรขึ้นกับองค์กรพระพุทธศาสนาในประเทศไทย?

พระพุทธศาสนาได้ชื่อว่า เป็นศาสนาของเหตุและผล การจะตัดสินอะไรก็ตามล้วนต้องเป็นการพิจารณาโดยธรรม ซึ่งในพระวินัยก็มีการระบุอย่างชัดเจนถึงการระงับอธิกรณ์ต่างๆ อยู่แล้ว แต่การปลดเจ้าคณะจังหวัดทั้งสามรูปนั้น ได้ทำทุกอย่างโดยธรรม ถูกต้องตามขั้นตอนแล้วหรือ???

หากตอบว่า ได้กระทำทุกอย่างถูกต้อง เหตุใดจึงไม่มีเหตุผลมารองรับคำสั่งนั้น แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ได้คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นบ้างไหม ขอยกตัวอย่างเรื่องราวจากพระไตรปิฎก คือ โสมนัสสชาดก เป็นเรื่องที่กล่าวถึงการ ไม่พิจารณาให้ดีก่อนตัดสินใจ (พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙ ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑) ความว่า

ในอดีตมีพระราชาชื่อ พระเจ้าเรณุราช ครองเมืองอุตตรปัญจาลนคร แม้จะครองราชย์มานาน แต่ก็ไม่มีพระโอรสที่จะมาสืบทอดราชบัลลังก์ ในเวลานั้นมีพระดาบสผู้มีคุณวิเศษพร้อมด้วยลูกศิษย์ 500 คน อาศัยอยู่ในป่าหิมวันต์ ได้ออกจากป่าเดินทางมาถึงพระราชอุทยาน พระราชาเรณุราชได้เห็นก็เลื่อมใส อาราธนาให้พักอยู่ตลอดพรรษาและได้ถวายภัตตาหารมิได้ขาด เมื่อครบกำหนดแล้วก็ได้กลับเข้าป่าตามเดิม

ในระหว่างทาง พระดาบสก็ได้เอ่ยปากกับลูกศิษย์ว่า อีกไม่นานจะมีเทพบุตรมาบังเกิดในครรภ์ของพระมเหสีอย่างแน่นอน ชฎิลโกงผู้หนึ่งได้ยินดังนั้นก็เกิดความโลภ ต้องการจะเป็นพระดาบสประจำราชสำนักจึงแสร้งทำเป็นป่วย แม้ท่านดาบสทราบว่า เจ้านี่มันป่วยปลอม! ก็ได้แต่บอกว่าหากหายดีแล้วให้รีบเดินทางตามหมู่คณะมา พอคล้อยหลังชฎิลโกงก็ย้อนกลับไปพระราชวังทำทีมาทำนายว่า กำลังจะมีผู้มีบุญมาเกิด พระราชาได้ยินก็ดีพระทัย ไม่นานนักพระมเหสีก็ตั้งครรภ์จริงๆ ชฎิลโกงก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็น พระดาบสประจำพระราชวัง สมดังใจ

เมื่อพระโอรสประสูติแล้วก็ได้รับพระนามว่า โสมนัสสกุมาร เป็นผู้เฉลียวฉลาดได้เรียนรู้ศิลปวิทยาการอย่างดี ส่วนชฏิลโกงนั้น ก็ไม่ได้ทำกิจของนักบวชแต่อย่างใด มัวแต่ไปปลูกผักที่ริมอุทยาน เอาไว้กินเองบ้าง เอาไปขายให้ชาวเมืองบ้าง

ครั้นโสมนัสสกุมารมีพระชันษาได้ 7 ปี ก็มีเหตุการณ์ไม่สงบที่ชายแดนพระราชาจึงนำทัพออกไปปราบปราม ก่อนไปก็กำชับพระกุมารให้ดูแลพระดาบสให้ดี วันหนึ่งพระกุมารได้ไปเยี่ยมเยียนพระดาบส(ชฎิลโกง)ผู้นั้น พบว่าเอาแต่รดน้ำผัก ทำมาหากินอย่างขยันขันแข็งแต่ไม่บำเพ็ญสมณธรรม ก็รู้ว่าชฎิลนี้เป็นคนโกง จึงกล่าวทักไปโดยมิได้ยกมือทำความเคารพว่า “เอ้า! พ่อค้าผัก ท่านทำอะไรอยู่หรือ?” แล้วก็หันกลับเข้าวังไป

ชฎิลโกงทั้งโกรธทั้งกลัวความผิดจึงคิดอุบายขึ้น เมื่อพระราชากลับจากชายแดนแล้วมาเยี่ยม ชฎิลโกงจึงทำร้ายตัวเองและข้าวของ แล้วโยนความผิดว่าพระโอรสเป็นผู้ทำ ด้วยความพิโรธ! พระราชาไม่คิดพิจารณาหรือไต่สวนเอาความจริงใดๆ ตรัสให้คนไปจับพระกุมารเอาไปประหารทันที!

พระกุมารจึงบอกแก่ทหารที่มาจับตนว่า ขอเข้าเฝ้าพระบิดาเสียก่อน เมื่อได้อยู่ต่อหน้าพระราชา พระกุมารก็ทูลว่าตนได้ไปเห็นนักบวชโกงผู้นี้ปลูกผักทำมาหากินอย่างไร หากพระราชาไม่เชื่อก็ไปสอบถามประชาชนในเมืองได้ ปรากฏว่าชาวบ้านทั้งหลายก็ยืนยันว่าชฎิลโกงปลูกผักมาขายอย่างสม่ำเสมอ เมื่อไปค้นในที่พักก็พบห่อเงินมากมาย

ครั้นความจริงปรากฏ พระกุมารก็รอดพ้นจากการถูกประหารจึงคิดได้ว่า หากเรายังอยู่กับพระบิดาผู้ไม่รู้จักคิดพิจารณาให้ดี ไม่ไตร่ตรองด้วยหลักการหลักธรรมใดๆ สักวันก็ต้องได้รับโทษอีกแน่ จึงขอเข้าป่าออกบวชไปตลอดชีวิต

ความหวังของพระราชาที่จะให้พระโอรสได้ครองบังลังก์ต่อจากตน ก็พังสลาย ส่วนจุดจบของชฎิลโกงนั้นก็ถูกชาวบ้านลงประชาทัณฑ์ ทุบตีจนตาย

จากชาดกเรื่องนี้ เราจะเห็นได้ว่า การเป็นผู้นำหรือผู้มีอำนาจนั้น หากขาดการไตร่ตรอง ไม่มีการไต่สวนที่เป็นธรรมแล้วความเสียหายมากมายย่อมตามมา ยังดีที่พระราชายังเปิดโอกาสให้พระราชโอรสได้เข้าพบ ให้เหตุให้ผล

ย้อนกลับมาดูเหตุการณ์การปลดเจ้าคณะจังหวัดทั้งสามรูป มีคำถามไปยังผู้บังคับบัญชาของทุกรูปว่า
1. ได้กระทำทุกอย่างตามขั้นตอนด้วยความละเอียด รอบคอบแล้วหรือ?
2. ได้มีการสอบสวน ให้พวกท่านได้มีโอกาสอธิบาย ชี้แจงแล้วหรือ?

หากไม่ได้กระทำการทุกอย่างด้วยความสุจริตหรือปราศจากอคติ ย่อมจะเกิดความเสียหายในหลายภาคส่วน อย่างน้อยที่สุด องค์กรปกครองของสงฆ์ ก็จะถูกมองว่า ไม่มีความบริสุทธิ์ยุติธรรม จะขาดความเชื่อถือจากบัณฑิตทั้งหลาย แม้องค์กรนั้นๆ ยังคงอยู่ แต่จะหาผู้ยกย่อง นับถือ ไม่ได้เลย

ที่สำคัญที่สุดคือ พระพุทธศาสนาก็จะสูญเสีย พระสงฆ์ที่มีความตั้งใจจริงในการทำงาน เพราะทำไปแล้ว หากไม่ถูกใจ หรือไปขัดใจผู้มีอำนาจ ก็จะต้องมัวหมอง เสียประวัติไปตลอดชีวิต

องค์กรทุกองค์กร หน่วยงานทุกหน่วยงาน ล้วนแล้วแต่มีกฎ มีระเบียบ มีข้อปฏิบัติ มีบทให้คุณให้โทษที่ชัดเจน แต่ ณ วันนี้ กลับเกิดเหตุการณ์ที่เป็นที่เคลือบแคลงใจของชาวพุทธว่า ในเรื่องการปลดเจ้าคณะจังหวัดทั้งสามรูปนั้น ขาดหลักเมตตาธรรม ไม่ได้ปฏิบัติตามหลักพระธรรมวินัย ขอให้ผู้มีอำนาจในเรื่องนี้

ได้โปรดทบทวน พิจารณาทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรม ทำตามวินัย เพื่อความบริสุทธิ์บริบูรณ์ ให้สมกับที่ชาวไทยส่วนใหญ่มีพระพุทธศาสนาเป็นหลักในการดำเนินชีวิตด้วยเถิด

Cr : ปีระกา

 แสดงความคิดเห็น FACEBOOK