เอาใจเขามาใส่ใจเรา

คำว่า "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" มีความหมายที่สำคัญว่า ๑. ให้รู้จักเห็นใจผู้อื่น หรือ ๒. ให้รู้จักนึกถึงความรู้สึกของผู้อื่น เพราะค...

คำว่า "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" มีความหมายที่สำคัญว่า
๑. ให้รู้จักเห็นใจผู้อื่น หรือ
๒. ให้รู้จักนึกถึงความรู้สึกของผู้อื่น

เพราะคำ ๆ นี้ ทำให้สังคมไทยในอดีตค่อนข้างจะมีความสงบ ร่มเย็น มีความเอื้ออาทรต่อกัน มีอะไรก็แบ่งปันกัน

ผู้เขียนจำได้ดีว่า เมื่อยังเด็กจะมีชาวบ้านเอาไข่ไก่บ้าง ข้าวบ้าง มาขอแลกเสื้อผ้า แต่คุณพ่อ คุณแม่จะบอกผู้เขียนเสมอว่า "เสื้อผ้าที่เราไม่ใช้ให้เขาไปเถอะ ไม่ต้องเอาของเขานะ เราไม่เดือดร้อนอะไร เขาต้องหาของมาแลก แสดงว่าเขาเดือดร้อน เขาขาด เรามีอะไรก็แบ่งปันเขาไป ให้เอาใจเขามาใส่ใจเรา หากเราเดือดร้อน ขาดแคลนก็คงจะต้องการให้ใครช่วยเหลือเช่นกัน..."

นอกจากนั้นท่านยังคอยสอนว่า จะคิด จะพูด จะทำอะไรก็ตาม ให้นึกถึงอกเขาอกเรา อะไรที่เราไม่ชอบคนอื่นก็ไม่ชอบเช่นกัน

ปัจจุบันนี้สังคมค่อนข้างจะเปลี่ยนไปมาก กลายเป็นสังคมที่เรียกว่า "มือใครยาวสาวได้สาวเอา" คือ หากอะไรที่ตนเองจะได้ประโยชน์แล้ว ก็ไม่ค่อยจะคำนึงถึงวิธีการได้มา ส่งผลให้อยู่กันด้วยความหวาดระแวง และพร้อมที่จะกดผู้อื่นเพื่อให้ตนสูงขึ้น รวมทั้งการใช้อำนาจที่มีอยู่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนโดยไม่สนใจว่า ผู้ที่เดือดร้อนนั้นจะรู้สึกอย่างไร

ผู้เขียนรู้สึกสลดใจอย่างต่อเนื่องกับกรณีของการปลดเจ้าคณะจังหวัดถึง ๓ จังหวัดพร้อม ๆ กัน ที่สลดใจเพราะสาเหตุหลัก ๆ คือ
๑. เจ้าคณะจังหวัดทั้ง ๓ ท่าน ล้วนแต่เป็นที่รัก เคารพของญาติโยม สาธุชน
๒. กว่าใครจะมาเป็นเจ้าคณะจังหวัดได้ ต้องผ่านการทำงาน ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากพอควร
๓. ทุกท่านไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่มีการทำตามขั้นตอนตามกระบวนการยุติธรรม เนื่องจากไม่มีการสอบสวน ไม่มีการให้โอกาสในการแก้ต่างแต่อย่างใด
๔. เมื่อมีเรื่องเกิดขึ้น ลูกศิษย์ลูกหาของท่านก็พากันร้องขอความเป็นธรรม ก็มีหลายคนที่ออกมาให้ความเห็นผ่านโซเชียลบ้าง หรือออกมาพูดบ้างว่า พระไม่ปล่อยวาง มายึดติด ฯลฯ

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ ล้วนแต่ไม่ได้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของ "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" เพราะผู้กระทำไม่ได้นึกถึงจิตใจของผู้ถูกกระทำว่าจะเป็นอย่างไร จะรู้สึกอย่างไร

แม้แต่ผู้ที่วิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าว หากมองย้อนกลับมาดูว่า หากเหตุการณ์นั้น เกิดขึ้นกับตนเองบ้างจะรู้สึกอย่างไร คุณทำงานอยู่ดี ๆ เขาก็ไล่คุณออก โดยไม่ให้เหตุผล คุณคิดบ้างไหมว่า หากไม่มีความกระจ่างออกมา สังคมจะมองท่านว่าอย่างไร คนที่ไม่รู้จักท่าน ไม่เห็นผลงานของท่าน ก็จะมองว่า ท่านต้องผิดเขาจึงให้ออก จะผิดหรือไม่ผิด ทำไมไม่ทำให้ถูกต้องตามกระบวนการ จะได้ไม่เป็นเครื่องหมายคำถามว่า การปลดครั้งนี้มีเงื่อนงำอะไรหรือไม่

เหตุการณ์ครั้งนี้อาจจะเป็นที่สบอารมณ์ของใครหลายคน แต่ขอให้นึกถึงใจของผู้ถูกกระทำ ลูกศิษย์ของทั้งสามท่าน รวมทั้งความบอบช้ำที่เกิดกับพระพุทธศาสนา การกระทำโดยไม่ได้เอาใจเขามาใส่ใจเราในครั้งนี้ได้ปรากฏเป็นความแตกแยกขึ้นแล้วในวงการสงฆ์ บางจังหวัดได้มีพระสังฆาธิการลาออกจากตำแหน่งเป็นจำนวนมาก ซึ่งนี่คงจะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่เกิดเหตุแบบนี้ ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องกลับมาทบทวนคำว่า "เอาใจเขามาใส่ใจเรา" หรือจะต้องรอให้พระพุทธศาสนาหมดไปจากประเทศไทยจึงจะได้คิด

Cr : กวีนิรนาม

 แสดงความคิดเห็น FACEBOOK