1. พระธรรมวินัยของเถรวาทนั้น คือ พระธรรมวินัยฉบับดั้งเดิม ที่ได้รับการสืบทอดโดยตรงจากพระอรหันต์ขีณาสพ 500 รูป ในยุคพุทธกาลที่ได้มาร่วมประชุมกันทำปฐมสังคายนาครั้งที่ 1 เป็นเวลานานถึง 7 เดือน ณ ถ้ำสัตบรรณคูหา นอกกรุงราชคฤห์ แคว้นมคธ ตั้งแต่เมื่อครั้งสองพันห้าร้อยกว่าปีโน้น พระอรหันต์ทั้ง 500 รูปนั้น ล้วนเป็นผู้เคยได้สดับรับฟังพระธรรมวินัยโดยตรงจากต่อหน้าเบื้องพระพักตร์ และจากพระโอษฐ์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ทรงแสดงโปรดชาวโลกไว้ตลอดทั้ง 45 พรรษา ครั้นเมื่อพระบรมศาสดาเสด็จดับขันธปรินิพพานแล้ว พระอรหันต์ทั้ง 500 รูปนั้น จึงได้นัดหมายมาประชุมรวมกันเพื่อทำสังคายนครั้งที่ 1 โดยมีพระมหากัสสปะเป็นประธานสงฆ์ มีพระอานนท์เป็นผู้ทรงจำพระธรรม และมีพระอุบาลีเป็นผู้ทรงจำพระวินัย ในการประชุมนั้น หลังจากที่ได้ช่วยกันทบทวนเนื้อหาที่แต่ละรูปทรงจำไว้ได้ถูกต้อง ครบถ้วน ตรงกันดีแล้วนั้น พระอรหันต์ทั้ง 500 รูป ท่านก็นำพระธรรมวินัยที่สังคายนาแล้วนั้น มาสวดพร้อมๆ กันอีกครั้งหนึ่ง ให้ถูกต้องตรงกัน ทั้งเบื้องต้น เบื้องกลาง เบื้องปลาย มีความบริสุทธิ์บริบูรณ์ทั้งอรรถและพยัญชนะ โดยไม่ตกหล่นแม้แต่คำเดียว
2. พระธรรมวินัยที่เกิดขึ้นจากการทำสังคายนาครั้งที่ 1 นี้เอง ที่ต่อมาได้กลายเป็นต้นกำเนิดของพระพุทธศาสนานิกายเถรวาท คำว่า เถรวาท แปลว่า "โอวาทของพระเถระ" ซึ่งหมายถึง พระธรรมวินัย ที่เกิดจากการปฐมสังคายนาของพระอรหันต์เถระทั้ง 500 รูปนั่นเอง
ด้วยเหตุที่ตันกำเนิดของเถรวาทมาจากการปฐมสังคายนานี้เอง จึงทำให้ "พระธรรมวินัย" ที่พระสงฆ์นิกายเถรวาทปฏิบัติสืบทอดกันมานั้น กลายเป็นพระธรรมวินัยฉบับดั้งเดิมที่สืบทอดมาจากครั้งพุทธกาล ดังนั้น หัวใจสำคัญอันเป็นหนึ่งไม่มีสองของนิกายเถรวาทนี้ก็คือ การรักษา "พระธรรมวินัยฉบับดั้งเดิม" อย่างเคร่งครัด โดยการปฏิบัติสมณธรรมอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพัน ตามรอยเท้าของพระอรหันต์เถระทั้ง 500 รูป ที่เดินตามรอยพระบาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเข้านิพพานไปได้สำเร็จแล้ว
3. ในนิกายเถรวาทนี้ นอกจากการรักษาหัวใจสำคัญเรื่องพระธรรมวินัยฉบับดั้งเดิมแล้ว ยังมีความโดดเด่นตรงที่มีวิธีปฏิบัติกรรมฐานมากมายหลายวิธีที่สืบทอดมาจากพระอรหันต์เถระทั้ง 500 รูปเมื่อครั้งพุทธกาล โดยเฉพาะที่ปรากฏเป็นหลักฐานในคัมภีร์วิสุทธิมรรคนั้นมีมากถึง 40 วิธี
แต่ความโดดเด่นยิ่งกว่านั้นก็คือสมาธิทั้ง 40 วิธีนั้น ประชุมรวมกันที่คำว่า "นัตถิ สันติ ปะรัง สุขัง" สุขอื่นยิ่งกว่าใจหยุดนิ่งไม่มี เพราะใจหยุดนิ่งนั้นคือต้นทางแห่งการเข้าสู่ "มัชฌิมาปฏิปทา" อันเป็นหนทางไปสู่พระนิพพาน เพราะเหตุนี้เอง แม้พระสงฆ์เถรวาทรุ่นหลังๆ จะยังคงสืบทอดวิธีปฏิบัติธรรมจากยุคโบราณมาจากหลายสาย แต่ทุกสายล้วนสามารถรวมกันได้เพราะถือหลักหัวใจเดียวกันนั่นคือ การสืบทอดรักษา "พระธรรมวินัยฉบับดั้งเดิม" ไว้ด้วยการ "บำเพ็ญสมณธรรม" ตามสายปฏิบัติของตนอย่างอุทิศชีวิตเป็นเดิมพัน จนกระทั่งใจหยุดนิ่งเข้าถึงความสงบสุขภายใน จึงสามารถส่งต่ออายุพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวต่อๆ ไปได้จากรุ่นสู่รุ่นมาถึงยุคปัจจุบัน คำถามที่ตามมาก็คือ
1. กรณีการปลดเจ้าคณะจังหวัดทั้งสามรูปอย่างไม่ถูกต้องตาม "พระธรรมวินัย" จะยังคงทำให้ชาวพุทธรักษาความภาคภูมิใจในความเป็นเถรวาทต่อไปได้อีกหรือไม่
2. พระพุทธศาสนานิกายเถรวาทจะดำเนินต่อไปอย่างไร เมื่อหัวใจสำคัญถูกทุบแตกทำลายอย่างไม่ถูกต้องตามธรรมวินัยที่สืบทอดกันมาเช่นนี้ และจะกลายเป็นแนวทางปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องให้คนรุ่นหลังดำเนินการผิดๆ ตามๆ กันไปในอนาคตหรือไม่
3. พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเคยตรัสเตือนไว้ว่า "พระธรรมวินัยที่เล่าเรียนกันไม่ดี ทรงจำกันไม่ดี สืบทอดกันไม่ดี จะเป็นเหตุให้เกิดความแตกสามัคคี คือ "สังฆเภท" ในหมู่สงฆ์ จนเป็นเหตุให้ศาสนาของตถาคตต้องอันตรธานหายไปจากโลกนี้" พระดำรัสนั้นกำลังจะเกิดขึ้นในยุคของเราใช่หรือไม่
--------------------------------
ปล. บันทึกไว้ในวันที่ทราบข่าวว่าพระสงฆ์สายวัดป่าในจังหวัดกาฬสินธุ์ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นพระสังฆาธิการ คัดค้านคำสั่งปลดเจ้าคณะจังหวัดกาฬสินธุ์โดยไม่เป็นธรรม
Cr : Ptreetep Chinungkuro
แสดงความคิดเห็น FACEBOOK
ถูกต้องพระธรรมวินัยคือหัวใจของพระพุทธศาสนา
ตอบลบฆราวาสอย่าได้วุ่นวายมาสั่งปลดสั่งให้พระลาสิกขา
ตอบลบทำตัวกีดขวางการสร้างบารมีของพระมันบาป
ฆราวาสชอบไปยุ่ง วุ่นวายเรื่องของพระ ทำให้พระท่านลำบากใจ หรือบางทีก็สอดไส้ โดยที่พระเจ้าคณะชั้นปกครองไม่ทราบเรื่อง ...อย่างนี้ก็ด้วย
ตอบลบการไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ถือเป็นการทำผิด สิ่งที่ประกาศออกไปต้องเป็นโมฆะ และต้องมาดำเนินการใหม่ให้เป็นไปตามพระธรรมวินัยจึงจะถูกต้องและสามารถยอมรับได้
ตอบลบขอให้ทำตามพระธรรมวินัย ถูดต้องที่สุดคะ
ตอบลบ