ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

พระมหา ดร.ทวนชัย อธิจิตโต เล่าเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตอนที่ 4

พระมหา ดร.ทวนชัย อธิจิตโต เล่าเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตอนที่ 4

เราจะถอดกาย บางทีก็ไปเฝ้าพระพุทธเจ้า ซึ่งคนส่วนใหญ่เขาก็ต่อต้าน บางคนที่ไม่ได้ปฏิบัติ ก็จะว่ามันเพี้ยน และบางทีเราก็ถอดกายไปสวรรค์ ไปพบพระอินทร์นะ ไปพบเจ้าผู้ครองนครสี่ทิศอะไรนี่ หรือบางทีเราก็ถอดกาย ไปเฝ้าผู้ที่มีบทบาทในพระพุทธศาสนา หรือไปถามปัญหา หรือมีข้อขัดข้องอะไร มีปัญหาอะไรเกิดแก่พระศาสนา ไม่ว่าจะเกิดแก่วัด แก่พระ แก่เณรในวัดปากน้ำ เราจะเข้าไปทูล ไปกราบเบื้องบน พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ เราสามารถอธิษฐานถอดกายไปพบปะแล้วก็ไปพูดคุย

หลวงพ่อเคยเล่าเสมอว่า เรียกว่าไปจับเข่าคุยกัน มันก็เหมือนกับเราคุยกันขณะนี้แหละ มีตัวมีตน สามารถที่จะพูดคุยโต้ตอบคำถามได้ เหมือนกับเคยฝันมั้ยละ คนที่ฝันจริงๆมันมีเนื้อแท้ มันมีความจริงทีเดียว แล้วมันก็เป็นจริงด้วย ฝันที่จิตผู้บริสุทธิ์หรือเทวดาดลใจให้ฝัน หรือเนื่องจากอำนาจฌานสมาธิ มันจะเหมือนเป็นของแท้ ของจริงเลย ครูสององค์อยู่ในวัดปากน้ำ คือท่านพระครูธนิตฯ พระครูธนิต นิสัยดีมากเลย โอบอ้อมอารี ยังนึกถึงบุญคุณท่าน ท่านเป็นคนที่มีเมตตาธรรมสูง ท่านไม่ดุ ไม่ตี ไม่ลงโทษใครหรอก พูดเพราะ แล้วห่มจีวรสวย เป็นตัวอย่างที่ดีมากเลย ส่วนพระครูปัญญาดุนะ ตัวท่านดุ หน้าท่านเครียด
เห็นพระครูปัญญาต้องเตรียมหลบนะ เออ...ถ้าไม่หลบ เพียงแค่เห็นหน้าท่าน เราก็ต้องหลบวูบวาบ เพราะท่านเป็นคนหน้าเครียด หน้าดุ ต่างกับพระครูธนิต อาตมาเป็นเณรเล็กๆ ก็สมัยที่ทีวีมาเป็นเครื่องแรกในประเทศไทย ปี ๒๕๐๐ ตั้งแต่นั่นนะ เป็นสิ่งที่แปลก เราไม่เคยรู้จักคำว่าโทรทัศน์ หรือทีวี เทเลวีชั่น เขาตั้งที่สนามหลวงประมาณ ๕ ครื่อง ให้ประชาชนดู ล้อมรั้วล้อมเชือกให้คนเข้าไปดูว่า มีภาพมันส่งมาปรากฎในจอภาพได้

ตอนนั้นเราก็ตกใจ ตกตะลึงมากเลย วิทยาศาสตร์นี่มันเจริญนะ สามารถเห็นหน้าเห็นตา ส่งภาพได้ ท่านพระครูธนิตก็เอาใจเณร ท่านมีเมตตาธรรมมาก ท่านก็ไปซื้อทีวีมาเครื่องหนึ่ เออ.แต่ก็ไม่ให้เสียการเรียนนะ วันหยุด หรือวันพระที่ไม่เรียนหนังสือ ท่านจะมาเปิดแบบสาธารณะเลย ตอนห้าโมงเย็นมันมีมวย ท่านก็มาตั้งไว้ที่โรงเรียนหลังปัจจุบันเนี่ยแหละ ให้พระเณรได้มาดูมวย เอ้า..เณรดูมวย ดูข่าว ท่านก็มีเมตตาให้เราได้รู้ ออ..ว่านี่คือเทคโนโลยีชั้นสูงนะ เทคโนโลยีของนอกเขาถึงนี่แล้ว แต่ยังช้ากว่าธรรมกาย ธรรมกายนี่ปุ๊ปเดียว ไปไหนๆได้หมดทั้งจักรวาลนะ มันช้ากว่าเรา อำนาจจิตนี้ไว ไวกว่าเทคโนโลยี เทคโนโลยีต้องมีเครื่องมือ ต้องมีถ่าน ต้องมีปุ่มกด ต้องต่อสายผ่านโทรศัพท์ หรือต่อผ่านดาวเทียม แต่สมาธิหรืออำนาจของฌาน คนอยู่ในฌานสูงๆ ที่ระดับขั้นเกจิอาจารย์ เขาจะติดต่อโทรจิตกันได้เลย เขาสามารถที่จะรู้วาระจิตของกันและกัน นัดหมายกันโดยที่ไม่ต้องบอกกล่าว เหมือนมาฆะบูชา ซึ่งพระอรหันต์สามารถที่จะมาประชุมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ไม่ต้องใช้โทรศัพท์โทรมือถือ ไม่มีในสมัยก่อนโน้น นี่ก็เหมือนกัน เราสามารถคุยกันในสมาธิ ท่านก็ออกคำสั่งไป อุบาสิกาที่นั่งอยู่ในโรงงาน มันจะมีฝาไม้กั้นกลางระหว่างอีกด้านหนึ่ง คือฝ่ายเราซึ่งเป็นพระเณรที่ได้ธรรมกายนั่งอยู่ ทั้งสองฝ่ายนี้จะต้องทำงานเพื่อจะควบคุมจักรวาล ควบคุมเรื่องความเป็นไปของภพภูมิ แล้วก็เกี่ยวกับเรื่องความอยู่รอดของพระพุทธศาสนา ทำยังไงคำสอนของพระพุทธเจ้า หรือว่าพระเณรจะอยู่เย็นเป็นสุข โดยเฉพาะด้านความสวัสดิภาพของพระเณรก็เป็นห่วงมาก ไม่อยากให้อดอยาก

Cr : สิงหล เพจบุคคลยุคต้นวิชชา

ไม่มีความคิดเห็น