ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

ป้าจินตนา โอสถ เล่าเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตอนที่ 3

ป้าจินตนา โอสถ เล่าเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตอนที่ 3

วิชชาธรรมกายเป็นวิชชาที่สูง เป็นศาสตร์อันหนึ่ง เป็นศาสตร์ของธรรมะ ไม่ใช่ศาสตร์สายดำ ถ้าเป็นศาสตร์สายดำ ต้องเป็นเรื่องเสน่ห์ เล่ห์กล แต่นี่ไม่ใช่ เป็นธรรมะ ใช้ธรรมะล้วนๆ คนที่นั่งสมาธินั้นไม่ต้องทำอะไร หลวงพ่อไม่ชอบให้ทำอะไร ท่านบอกว่าทำแล้วหยาบ สมาธิไม่นิ่งแน่น นั่งไปก็ได้ยินแต่เสียงหลวงพ่อสั่งวิชชา

หลวงพ่อท่านจำชื่อแม่นทุกคน เวร ๑ เวร ๒ เวร ๓ แม่ชีรุ่น ๑ เยอะมาก รุ่น ๑ คือรุ่นตอนสงครามโลก หลวงพ่อท่านจะจัดเวรดีมาก คือรุ่นเก่าผู้ใหญ่หน่อยท่านก็ให้อยู่เวรดึก เพราะว่าเด็กๆ ต้องเรียนหนังสือ เรียนหนังสือกันเยอะ เพราะเขาเอามาทิ้งเป็นลูกกำพร้า หลวงพ่อท่านจึงเป็นทั้งพ่อทั้งแม่

รุ่น ๑ ก็มี แม่ชีจันทร์ แม่ชีปุก แม่ชีรัมภา แม่ชีทวีพร แม่ชีสมจิต แม่ชีทองสุข แม่ชีญาณี แม่ชีละมัย แม่ชีชั้น แม่ชีญาณีก็เป็นคนดีมาก แม่ชีจันทร์ตอนนี้ได้ข่าวว่าเสียแล้ว จะเผาวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ แม่ชีจันทร์นี้ท่านใจดีตอนนั้นหมออายุ ๒๐ กว่า แม่ชีจันทร์อายุ ๓๗ แม่ชีจันทร์เป็นคนดีมาก ซื่อมากเป็นคนตรงรูปร่างผอม ไม่เคยอ้วน ใจดีมากตอนนั้นจะเรียกท่านว่า คุณแม่พี่จันทร์ หลวงพ่อจะชื่นชมทุกคน รักลูกทุกคน ท่านเมตตามาก สมัยก่อนที่คณะทำวิชชาจะมีต้นมะม่วงอยู่ ๒ ต้น แล้วหลวงพ่อท่านก็จะเด็ดใส่กระจาด แล้วให้แม่ชีรัมภา โพธิ์คำฉาย แม่ชีทวีพร เลี๊ยบประเสริฐจับฉลาก หมอก็มักอธิษฐานนะว่าถ้าลูกมีบุญมีวาสนาก็ให้จับได้ แล้วก็จับได้เป็นอัศจรรย์

หลวงพ่อท่านมีอะไร ท่านก็จะเอามาแบ่งปันให้ลูกๆ ทุกคน ตอนที่ทำวิชชา จะไม่เห็นกันนะ พระอยู่ฝั่ง ชีอยู่อีกฝั่ง หลวงพ่ออยู่ตรงกลางมีฝากั้น แม้หลวงพ่อท่านจะไม่เห็นลูกๆ แต่ท่านรู้เรื่องของลูกๆ หมดเลย ...โอ้โห...ออกไปข้างนอกพอกลับมาท่านก็จะถามไปไหนมา ท่านทักทีขยาดก็แล้วกัน ท่านรู้หมด หาอย่างหลวงพ่อนี่ ไม่มีอีกแล้ว ท่านบริสุทธิ์ผุดผ่องจริงๆ ท่านด่าก็ด่าเจ็บ ว่าก็ว่าเจ็บ เป็นยิ่งกว่าพ่อแม่เสียอีก มีเรื่องอัศจรรย์เรื่องหนึ่ง คราวนั้นเป็นฤดูหนาว หนาวมากเลย มีเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ออกมาอยู่แถวๆ หน้ากุฏิทำวิชชา ดูท่าทางเขาหนาวมาก พอเห็นแล้วก็สงสาร จึงเอาผ้าห่มที่มีอยู่แค่ผืนเดียวของตัวเองให้เขาไป พอบ่ายๆ เย็นๆ หลวงพ่อก็ถามว่า

"ใครไม่มีผ้าห่มบ้างวะ"

เหมือนกับท่านรู้ แล้วท่านก็ส่งผ้าห่มมาให้ ๑ ผืน ส่งผ่านมาทางช่องเล็กๆ อย่างที่เล่าให้ฟังว่าห้องทำวิชชาจะมีช่องเล็กๆ ไว้ยื่นส่งของ วิชชาดับดาวนั้นมีจริงๆ หลวงพ่อท่านไม่อยากให้มีดวงดาว ดวงอาทิตย์ เมื่อมีดวงจันทร์ ดวงดาว ดวงอาทิตย์ ต้องมีการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ท่านทำในเหตุ ดับในเหตุ ทำต่อเนื่องกันมา แม้จะมีอีกกี่หมื่นกี่แสนชาติท่านก็จะทำ ถ้าเราพูดถึงหลักธรรมะ คือดับการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไม่ให้มีเกิดแก่เจ็บตาย นี่ก็ทำ ตั้งแต่สมัยพุทธกาล พระพุทธองค์ท่านต้องการไม่ให้มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ท่านจึงให้ดับความกำหนัด เมื่อเกิดความกำหนัดยินดี ก็เกิดราคะ เมื่อเกิดราคะ ก็เกิดอวิชชา สร้างบาปสร้างกรรมก็เกิด แก่ เจ็บ ตาย ตามหลักการแพทย์แผนโบราณที่เรียนมา เขาบอกว่า พระพรหมนี่สร้างคนมา ๒ คน ต่อมากินง้วนดิน กินเสร็จก็ลูบท้อง แล้วเกิดลูกมา ๑๒ คน พระอาทิตย์กี่ดวงกี่ดวงก็เกิดตามมา เป็น ๑๒ ราศี ส่งไปอยู่ ๑๒ ประเทศ พอเกิดมากิเลสก็มาแทรก สายดำก็มาแทรก กิเลสของคนมาจากสายดำ ถ้าดับก็คือดับกิเลส คำว่าโลกนี่ก็มีมนุษย์โลก สัตว์โลก เทวโลก หลักธรรมะก็กล่าวไว้อยู่แล้ว

ตามหลักธรรมะก็กล่าวเรื่องการเกิดไว้อีกอย่าง ธรรมะไม่ให้มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย แล้วเมื่อไหร่จึงจะไม่เกิด ก็ต้องไปนิพพาน หลวงพ่อท่านทักอะไรใคร ก็จะเป็นอย่างนั้น เคยสัมผัสมาหลายครั้ง ทั้งเรื่องเจ็บป่วย และเรื่องตาย หมอเคยอยู่ในเหตุการณ์ครั้งหนึ่ง คือ เด็กสมัยก่อนก็บ้าๆ บอๆ เสียสติ เวลาเรือแล่น สมัยก่อนเรือนั้นจะแล่นเร็วมาก แล้วเด็กจะเกาะเรือตามสายน้ำมาเรื่อย สติไม่ดี ท่านบอกว่ามันไม่หาย มันไม่บ้าแต่มันบอ ไม่หาย แล้วหลวงพ่อท่านจะบอกเอง จะเป็นจะตาย ดีไม่ดีท่านบอกเอง ไม่ต้องไปจุกจิกกับท่านท่านรู้ดี ท่านจะไม่ทายส่งเดช และไม่อวดรู้

Cr : สิงหล เพจ : บุคคลยุคต้นวิชชา

ไม่มีความคิดเห็น