ค้นหาบล็อกนี้

Page Nav

HIDE

Grid

GRID_STYLE

Hover Effects

TRUE

Gradient Skin

{fbt_classic_header}

Update News:

latest

ลุงสมจิตร ฉ่ำรัศมี เล่าเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตอนที่ 1

ลุงสมจิตร ฉ่ำรัศมี เล่าเรื่องหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตอนที่ 1

ตัวฉันเองมาเจอหลวงพ่อวัดปากน้ำตอนอายุราวๆ ๑๘ ปี เป็นเรื่องอัศจรรย์ ตอนนั้นฉันอยู่อ่างทอง ตัวหลวงพ่อท่านอยู่ที่วัดปากน้ำ ฉันนอนหลับอยู่ ก็ได้ยินเสียงหลวงพ่อวัดปากน้ำแว่วมาว่า "ให้ไปวัดปากน้ำ" ฉันเป็นคนไม่เชื่ออะไรง่าย เสียงก็แว่วมาอีกว่า

"เฮ้ยต่อไปไม่ต้องหุงแล้วไอ้หม้อดินนี้ ต่อไปกดปุ๊บติดปั๊บเลย" สมัยนั้นเขาหุงข้าวด้วยหม้อดินกันแล้วก็ได้ยินต่อไปว่า

"แล้วหูทิพย์ ตาทิพย์จะเกิดขึ้นเอง" เราได้ยินอย่างนั้น เราก็แปลกใจ ไม่เชื่อว่า?? เอ๊ะ! จะเป็นไปได้ยังไง?!? ก็เลยตั้งใจว่า ทำยังไงนะ เราจึงจะได้เจอหลวงพ่อวัดปากน้ำ อยู่ๆมาก็มีคนหนึ่ง เป็นมหาเปรียญ ๙ ประโยค มาชวนว่าจะพาไปอยู่กับหลวงพ่อวัดปากน้ำ เราก็ไป พอดีฟันของมหาเปรียญองค์นี้แกเลี่ยมทอง พอไปถึงหลวงพ่อวัดปากน้ำบอกไม่รับ เราก็ร้องไห้ทำไมหลวงพ่อถึงไม่รับเรา ก็พระจะมีทองได้ที่ไหนล่ะ อาจารย์มันไม่ดี ลูกศิษย์มันก็คงไม่ดี หลวงพ่อวัดปากน้ำไม่รับ บอกว่า

“ อาจารย์มึงไม่ดี เลี่ยมฟันทองมาไม่ดีแล้ว” ก็เลยเดินออกจากวัด ทีนี้คงจะเป็นบุญของฉัน พอดีมาเจอพระอาจารย์มหาวิชัยซึ่งเป็นหลานของหลวงพ่อ ท่านก็เรียกเข้าไป

"เอ้า เณรมานี่ชิ ทำไมเดินคอตกอย่างนั้น" เราก็บอกว่าหลวงพ่อท่านไม่รับผม

"เอ้าเดี๋ยวไปด้วยกัน" ท่านก็พาไปหาหลวงพ่อวัดปากน้ำ บอกหลวงพ่อว่า

"ผมฝากเด็กคนนี้ สักคนได้ใหม" ทีนี้หลวงพ่อรับผมเลย จึงได้เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตอนนั้นก็ประมาณปี พ.ศ.๒๔๙๖ หลวงพ่อท่านยังแข็งแรงอยู่ ฉันเคยสงสัยนะว่า หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านอวดอุตริมนุสสธรรมมั้งเนี่ย ที่อัญเชิญพระพุทธเจ้ามาได้

ท่านก็ชี้หน้า “ไอ้เณรมึงอย่านะ” หลวงพ่อชี้หน้าว่าผม เห็นพระพุทธเจ้าลอยเต็มหลังคาโบสถ์

"เฮ้ยมึงอย่านึกดูถูกนะ มึงไม่เห็นจริงนี่หว่า มึงอย่าแกล้งพูดไปนะ" เราก็เงียบ เรานี้หัวดื้อ ไม่ค่อยเชื่อหลวงพ่อ ไปอยู่ใหม่ๆ เราก็คะนองเลย กับเพื่อนเณรด้วยกัน เขาอยู่คณะเนกขัมมะ ต้มข้าวต้มกินกันเถอะ หลวงพ่อท่านไม่รู้หรอก ๓ องค์ท้าทายหลวงพ่อ มีผม มหาเสริม มหาพล ต้มข้าวต้มกินกัน ตั้งหม้อ ไปซื้อกับข้าวเต้าหู้ยี้ ทีนี้หลวงพ่อท่านรู้ ท่านบอกพวกมึงหยุดเลยนะ ถ้าไม่หยุดพรุ่งนี้จะประกาศชื่อ หลวงพ่อท่านรู้หมด ถ้าไม่รู้ท่านจะปกครองคนได้อย่างไร พระ ๓๐๐ เณร ๓๐๐ ชี ๓๐๐ ลูกศิษย์อีก ๓๐๐ จะปกครองคนได้ คนต้องเชื่อ

หลวงพ่อท่านจะอยู่บนธรรมาสน์ นั่งเทศน์อยู่ในโบสถ์ พระคุณของหลวงพ่อมากเหลือล้ำเกินกำหนด หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านพูดจริงทุกอย่าง ไม่เคยโกหกหรอก เราหนีเที่ยว เขามีหนังฉายที่วัดนางชี วัดปากน้ำปิดประตูแล้ว สมัยนั้นหลวงพ่อท่านสร้างเป็นกุฏิ กุฏิใคร กุฏิมัน สำหรับให้คนอยู่ปฏิบัติธรรม เรา ๕ คน มหาพล มหาเสริม ผม เณรไร และเณรจัน

"หลวงพ่อท่านไม่รู้หรอก เราหนีข้ามรั้วไปดูหนังกันดีกว่า" หนีไปเป็นประจำ ทุกครั้งที่เราไปจะมีไม้ขีดกับไฟแช็คไป แต่วันนั้นไม้ขีดก็ไม่มี ไฟแช็คก็ไม่มี แต่ก่อนโบสถ์ของหลวงพ่อจะเก่าๆ โทรม เราก็มองเห็นแสงไฟวาบๆอยู่ข้างโบสถ์ เราก็

"เฮ้ย! มีพระสูบบุหรี่ เราไปขอต่อยาดีกว่า” แล้วรีบเดินเข้าไปขอต่อยา พอไปถึงปรากฎพระองค์นั้นคือ หลวงพ่อวัดปากน้ำท่านยืนอยู่

"มึงมานีไอ้ตัวแสบ ไปเรียกไอ้พวกนั้นมาด้วย มึงนี่หนีเรื่อย กูตามมึงทันมึงไม่ดูหนังสือเลยเนี๊ย! มานี่" มหาเสริมก็บอก "หลวงพ่อครับ ยังไงผมก็รับผิดครับ"

"คนที่รับผิดหลวงพ่อไม่ตี แต่คนไม่รับผิดหลวงพ่อจะดีมัน ไอ้ตัวแสบ ไอ้ตัวรู้เนี๊ย!" หลวงพ่อท่านซี้มาทางเรา

"ไอ้ตัวต้นเรื่องต้นยุ ยุให้ไปทำมิดีมิร้ายไปชวนเขาดูหนัง พอเย็นนะมึงเริ่มเลย จัดแจงเลยที่ไหนเขามีหนัง บอกเลยวัดนางชี วัดนางนวลมึงน่ะรู้หมด มึงเป็นคนต้นเรื่อง มึงมานี่"

"หลวงพ่ออย่าตีผมเลยนะครับ" "กูไม่ตีมึงแต่มึงต้องไปเรียนให้ดีนะไปเป็นแถวเลย" ท่านเลยไม่ตี เราสิเสียรู้ โอ้โฮพระอะไรมาแอบสูบบุหรี่ให้เราเห็น พอบอก

"หลวงตาขอไฟหน่อย" "ไอ้ตัวแสบมึงมานี่ ตามไอ้พวกนั้นมาให้หมด" เราก็ตะลึงเลย ปกติท่านจะนั่งธรรมะไม่เคยคิดจะออกมาจากโบสถ์ ทีนี้คงเป็นบุญบารมีอะไรสักอย่าง เพราะปกติเราไม่ค่อยเชื่อหลวงพ่อ แต่ครั้งนี้ทำให้เราคิดว่า หลวงพ่อคงไม่โกหก เรารู้เลยว่าต้องเป็นของจริง เราก็เลยไปนั่งหน้าโบสถ์ นั่งทรมานตัวเราเองสิ ตัวเรานี้มันจะเป็นอะไรวะ...ก็ไม่เห็นมีอะไรนั่งไปนั่งมาก็เกิดแลเห็นสว่างโล่งเลย แล้วก็ค่อยๆ แคบลงๆ แล้วเห็นตัวของเราเอง เราก็มาเล่าให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อบอก "มึงรู้แล้ว"

หลวงพ่อบอกว่าเรารู้แล้ว คราวนี้ก็นั่งเลย ท่านเห็นเรา เราเห็นท่านเหมือนกับเรานั่งคุยกัน ภายในคุยกันได้ เพราะฉะนั้นวิชชาธรรมกายไม่ใช่ของโกหก พูดล้อเล่นไม่ได้นะ ของจริงนะ เป็นปัจจัตตังดังรู้ได้เฉพาะตัวของเราเอง ไปเล่าให้คนอื่นฟัง เขาเห็นไม่เหมือนเราก็จะหาว่าเราบ้าต้องนั่งเองถึงจะรู้เอง

ทีนี้ก็ต่อวิชชาในโรงงานทำวิชชา ชีอยู่ฟากหนึ่ง พระเณรอยู่อีกฟากหนึ่ง หลวงพ่อนั่งกลาง หลวงพ่อท่านคอยนั่งตรวจคอยสั่งวิชชา แม่ชีก็จะตอบว่าวิชชาไปโน่น ไปนี่ จะเป็นอย่างนั้นๆ เราก็นั่งตามไปเรื่อยๆ หลวงพ่อจะเป็นคนสั่งแม่ชี ควบคุมชี อีกทีหนึ่ง อย่างแม่ชีทองสุข แม่ชีจันทร์ เขาก็ไปกันเต็มเยอะแยะ ไม่ใช่ผมคนเดียวนะที่ต่อวิชชา ก็นั่งฟังเหมือนเราไม่ใช่ตัวเรา วิชชาไปถึงไหนก็ไปถึงนั่น เคยนั่งดูเหมือนกันว่าบางคนก็ไปไม่ได้ ไปไม่ทัน เพราะจิตไม่นิ่งแน่น พอกลับเรียบร้อย เราก็เขียนบันทึกลงในสมุด เวลาเราอยู่ข้างในนั้น เราจะมองเห็นกันหมด มีหลวงพ่อเป็นผู้นำ แต่ก่อนจะมีแม่ชีทองสุข แม่ชีจันทร์เขาจะสนิทกับฉันเพราะศาลาติดกัน อาจารย์อยากให้ฉันเก่ง ก็เลยไปให้แม่ชีจันทร์ แม่ชีทองสุขสอน เราก็ไปนั่งธรรมะ อาจารย์ก็สั่ง "เฮ้ยมึงนั่งให้ดีๆ นะ" ทีนี้เราก็นั่งหลับกรนคร๊อกๆ แกล้งคุณยายทองสุข คุณยายทองสุขแกเก่ง ยายจันทร์ก็เก่ง เขาว่าวิชชาไปอย่างนั้นอย่างนี้เราก็นั่งหลับ

ปกติทางเณรนั้นแม่ชีทองสุขกับแม่ชีจันทร์จะไม่รับสอนใครนอกจากฉัน (ลุงสมจิตร) มหาพล มหาเสริม แม่ชีทองสุข เขาก็ทำให้ตัวของเขาเป็นผู้ชายได้ด้วยธรรมกาย ฉันก็นั่งไปดูอย่างนี้ สามารถทำได้ ฉันก็เอ๊ะ! ทำได้ยังไง แกก็บอก "เฮ้ยอย่างนี้ก็แอบดูกูสิ” เราก็ไม่ว่าอะไร แม่ชีจันทร์ก็เป็นลูกศิษย์ของแม่ชีทองสุข ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเวร เดี๋ยวนี้ตายกันหมดแล้ว

Cr : สิงหล เพจบุคคลยุคต้นวิชชา

ไม่มีความคิดเห็น